ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองคํา Spot ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าคาด ด้านราคาทองในประเทศประกาศครั้งเดียววันเสาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นพรวดเดียว

ราคาทองคำตลาดโลกดีดตัวขึ้นหลังการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกันยายน ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด แต่อย่างไรก็ดี มีแรงเทขายทำกำไรออกมาในสัปดาห์นี้ บ่งชี้ว่าทองคำอาจอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อยก่อนเข้าสู่ช่วงพักฐาน

ทั้งนี้ราคาทองคำสปอตเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณแถวๆ 4,381 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นปรับตัวดลงมากกว่า 6% จากแรงเทขายทำกำไรและแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังมีสัญญาณความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มคลี่คลาย

รายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า(27-31 ต.ค.) มีไฮไลท์เศรษฐกิจสำคัญที่ให้ติดตามเข้มข้น โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(FOMC) ของเฟด ซึ่งคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งติดตามการเปิดเผยจีดีพีประจำไตรมาส 3/2025 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งที่ 1 ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index)เดือนก.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board เดือนต.ค. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขายเดือนก.ย. จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค.เป็นต้น

และนอกจากนี้ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)

ประกาศราคาทองในประเทศครั้งเดียวประจำวันเสาร์ที่ 25 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นพรวดเดียว 600 บาท สู่บริเวณ 63,700 บาท โดยสัปดาห์นี้(20-25 ต.ค.) มีการประกาศราคาทองรายสัปดาห์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 186 ครั้ง โดยเป็นการเพิ่มขึ้น 87 ครั้ง และ ลดลง 99 ครั้ง รวมราคาร่วงลงหนัก 2,300 บาท เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ยังเคลื่อนไหวบริเวณ 32 บาท ในช่วงระหว่าง 32.60-32.90 บาท

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำยังเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแนวรับและแนวต้านทางเทคนิค โดยหากยังสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 4,030 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 4,115 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับถัดไปบริเวณ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเข้าสู่ระยะขาลง ส่วนฝั่งแนวต้านประเมินไว้ที่บริเวณ 4,115 และ 4,135 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ