ทองยังแกว่งตัวในกรอบแคบ รอลุ้น สหรัฐแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
โดยราคาทองคำยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ หลังนักลงทุนรอลุ้น การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่ กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ถือครองทองคำแท่งขนาดใหญ่ รายงานว่ามีการเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้น 3.61 ตัน…
ราคาทองคำและราคาโลหะเงินยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ตลอดการซื้อขายในช่วงกลางวัน แต่ในช่วงค่ำการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ราคาทองปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับ รายงานข่าวเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงในการปรับเป้าหมายในการลดหนี้ของกรีซ ที่จะนำมาสู่การอนุมัติเงินช่วยเหลือเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทอง แต่ด้วยประเด็นดังกล่าวได้สะท้อนไปในราคาทองคำและโลหะเงินแล้วในระดับหนึ่ง จึงมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองค่อนข้างน้อย ประกอบกับประเด็นลบ จากกรณีของปัญหาทางการคลังของสหรัฐฯ จึงกดดันให้ราคาทองกลับอ่อนตัวลง ในช่วงค่ำที่ผ่านมา
โดยราคาทองปิดตลาด เมื่อคืนนี้ที่ 1,741.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวลดลงจากระดับปิดของวันจันทร์ 6.79 ดอลลาร์ ราคาทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,751 และ 1,741 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% วานนี้ ขายออกที่บาทละ 25,400 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 25,300 บาท กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ถือครองทองคำแท่งขนาดใหญ่ รายงานว่ามีการเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้น 3.61 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนได้ถือครองทองคำแท่งรวม 1,345.81 ตัน
หลังการประชุมของกลุ่มเจ้าหนี้ของกรีซ ในช่วงค่ำวันจันทร์ต่อเนื่องเช้าวันอังคารนั้น ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการยอมปรับลดหนี้บางส่วนให้กับกรีซ และมีการตั้งเป้าหมายในการปรับลดอัตราหนี้ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกรีซใหม่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้กรีซ สามารถชำระหนี้ได้ในอนาคต โดยคาดว่ากรีซ จะได้รับเงินช่วยเหลือในเดือนธันวาคม ประเด็นนี้จึงเริ่มมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและตราสารทางการเงินอื่นๆ น้อยลง
ประเด็นหลักที่กลับมามีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทอง จึงอยู่ที่เรื่องการแก้ปัญหาทางการคลังของสหรัฐ ซึ่งการปรับขึ้นภาษีและการลดรายจ่ายทางการคลัง ที่จะมีขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า กำลังเป็นปัญหาที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจ โดยเมื่อคืนนี้ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่ายังไม่มีความคืบหน้ามากนัก จึงกดดันให้มีแรงขายในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงกลับออกมา สวนทางกับเงินดอลลาร์ ที่ดีดตัวแข็งค่าขึ้นหลังจากอ่อนค่าลงติดต่อกันหลายวัน และกดดันให้ราคาทองเริ่มปรับฐาน
อย่างไรก็ตามแม้ในระยะสั้นประเด็นนี้ จะเป็นปัจจัยลบกดดันการเคลื่อนไหวของราคาทอง แต่หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ปัญหานี้ ได้ทันกำหนดความเชื่อของเงินดอลลาร์ก็จะเริ่มลดลง และจะมีแรงซื้อกลับเข้ามายังทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ดังนั้นในช่วงที่ราคาทองปรับตัวลดลง จึงคาดว่าจะยังมีแรงซื้อกลับเข้ามา และการปรับฐานที่เกิดขึ้นก็น่าจะมีปริมาณไม่มาก
ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองในทางเทคนิคนั้น การอ่อนตัวลงที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำที่ผ่านมา ยังเป็นเพียงการปรับฐานในระยะสั้นที่เกิดขึ้นหลังราคาดีดตัวขึ้นแรงในการซื้อขายปลายสัปดาห์ก่อน โดยมีแนวรับสำหรับซื้อเก็งกำไรการดีดตัวกลับอยู่ที่บริเวณ 1,735-1,740 และ 1,725-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับหลังได้ ก็จะเป็นการยุติสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าราคาทอง อาจอ่อนตัวลงไปสร้างฐานใหม่ที่แนวรับบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวขึ้นได้ต่อไป ส่วนแนวต้านของวันยังคงอยู่ที่บริเวณ 1,750-1,755 และ 1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
ข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
ดอลลาร์อ่อน-จีดีพีสหรัฐต่ำหนุนแรงซื้อทองคํา ทองไทยบาทอ่อนหนุน
ทองคําโลกปรับฐานรอเศรษฐกิจสหรัฐ ทองไทยบาทอ่อนค่าหนุนปรับขึ้น
เศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัวฉุดดอลลาร์อ่อนค่าหนุนทองคําฟื้น
คลายกังวลตะวันออกกลางฉุดทองคําโลกร่วงหนัก ทองไทยร่วงแรงตาม
ทองคําโลกเคลื่อนไหวระดับสูง ทองในประเทศเงินบาทอ่อนค่ามากหนุน
วิกฤตตะวันออกกลางหนุนแรงซื้อทองคํา ทองไทยเงินบาทอ่อนช่วยหนุน
แรงซื้อหนุนทองคําโลดดีดตัวขึ้น ทองไทยบาทอ่อนค่ามากหนุนนิวไฮ
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 40,950.00 | 41,050.00 |
ทองรูปพรรณ | 40,219.48 | 41,550.00 |
วันนี้ 300 | 50 | |
26 เมษายน 2567 | เวลา 15:19 น. | (ครั้งที่ 5) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ