| 96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
|---|---|---|
| ทองคำแท่ง | 42,500.00 | 42,600.00 |
| ทองรูปพรรณ | 41,735.48 | 43,100.00 |
| วันนี้ 200 | 50 | |
| 26 ธันวาคม 2567 | เวลา 16:41 น. | (ครั้งที่ 2) |
ราคาทองคำเมื่อวาน(17 ธ.ค.55)เริ่มฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวมีกรอบที่จำกัด โดยขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดตลาดที่ 1,697.55 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับปิดของวันศุกร์ที่ผ่านมา 2.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,687 และ 1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศเมื่อวานขายออกที่บาทละ 24,700 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,600 บาท
นักวิเคราะห์ คาด ราคาทองคำสัปดาห์นี้ จะแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,690-1,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอความชัดเจน เรื่องนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ของรัฐบาลชุดใหม่ญี่ปุ่น…
ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบมากระหว่าง 1,695-1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 1,695.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลงจากระดับปิดของวันพฤหัส 1.60 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,695 และ 1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (15 ธ.ค.) ขายออกที่บาทละ 24,700 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,600 บาท
นักวิเคราะห์ คาด ราคาทองคำสัปดาห์หน้า ยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพื่อรอความชัดเจนเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น…
ประเด็นที่มีผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันอังคารและวันพุธ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 4 (QE4) โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านต่อดอลลาร์เพื่อทดแทนโครงการ Operation Twist ในวงเงินเดียวกันที่จะหมดอายุลงในสิ้นปีนี้ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและหลักทรัพย์ค้ำประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงินรวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นพิเศษ จนกว่าอัตราการว่างงานจะลดลงแตะระดับ 6.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.7%
เอเอฟพี – ราคาน้ำมันขยับลงและทองคำดิ่งแรงเมื่อวันพฤหัสบดี(13 ธ.ค. 55) จากความกังวลต่อวิกฤตหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยนี้บดบังข้อมูลบวกภาคแรงงานกับยอดค้าปลีก ฉุดให้วอลล์สตรีท ปิดลบเช่นกัน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 88 เซนต์ ปิดที่ 85.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 18 วันก็จะถึงวันที่ 1 มกราคม เส้นตายการขึ้นภาษีและตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติหรือภาวะ“หน้าผาการคลัง” แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครตกับสมาชิกสภาของรีพับลิกัน ยังประนีประนอมกันไม่ได้
นักลงทุนแห่เทขายทองคำ หลังหวาดธนาคารกลางสหรัฐฯ ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง…
ราคาทองคำเมื่อวาน(13 ธ.ค. 55) ถูกแรงเทขายออกมาอย่างหนัก จากนักลงทุนสถาบันรายใหญ่จนทำให้ราคาทองคำ หลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปรับตัวลงใกล้แนวรับบริเวณ 1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนปิดตลาดฟื้นตัวปิดที่ 1,711.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลงจากระดับปิดของวันพุธ 14.84 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,689 และ 1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศขายออกที่บาทละ 24,700 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,600 บาท
ราคาทองขยับ รับธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ประกาศเพิ่มวงเงินซื้อหลักทรัพย์อีก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน…
ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้ราคาทองคำตลาดโลกในการซื้อขายช่วงกลางคืนปรับตัวขึ้น โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 1,723 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ แต่มีแรงเทขายออกมาช่วงท้ายตลาดทำให้ราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,711.50 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นจากระดับปิดของวันอังคารเพียง 1.80 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของวันที่ 1,708 และ 1,723 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ
ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% วานนี้ ขายออกที่บาทละ 24,900 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,800 บาท
ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพื่อรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน และมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯในอนาคต ด้านนักวิเคราะห์ ให้แนวรับที่ 1,700 และ 1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์…
ราคาทองคำเมื่อวานนี้ แกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จัดการประชุม 2 วันตั้งแต่เมื่อวานนี้ต่อเนื่องถึงวันนี้ ราคาทองคำเริ่มมีแรงเทขายออกมาบ้าง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงวันจันทร์
ราคาทองฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้าน 1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่นักวิเคราะห์ให้จับตา ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไป…
ราคาทองคำแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแนวรับและแนวต้านทางเทคนิคระหว่าง 1,680-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในการซื้อขายวันศุกร์ โดยมีแรงขายกลับออกมาในการซื้อขายช่วงกลางวัน ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในการซื้อขายช่วงค่ำจนราคาดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่บริเวณ 1,700 ดอลลาร์
ขณะที่เมื่อวานนี้ราคาทองคำ ยังปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,711.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นจากระดับปิดของวันศุกร์ 4.02 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,703 และ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% วานนี้ ขายออกที่บาทละ 24,800 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,700 บาท
โกลด์แมนแซคส์ คาด ราคาทองคำอาจพลิกผันในปีหน้า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจากเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้นจะหักล้างปัจจัยบวกจากการขยายงบดุลเพิ่มของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สำนักข่าวรายงานว่า โกลด์แมนแซคส์ ระบุว่า วัฏจักรราคาทองคำในปัจจุบันอาจมีการพลิกผันในปีหน้า ในขณะที่การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จะหักล้างปัจจัยบวกจากการขยายงบดุลเพิ่มเติบของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทั้งนี้ โกลด์แมนแซคส์ ได้ปรับลดการคาดการณ์ราคาทองในช่วง 3, 6 และ 12 เดือนข้างหน้า ลงสู่ระดับ 1,825,1805 และ 1,800 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ ตามลำดับ
สัปดาห์นี้มีแรงเทขายทองคำอย่างต่อเนื่องจนทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับจิตวิทยาที่ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ทำให้เกิดเป็นสัญญาณขายในทางเทคนิคจนราคาปรับฐานลงต่ำสุดที่ 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำในสัปดาห์นี้กลับปรับตัวลงสวนทางกับค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากแรงเทขายจากกองทุน นอกจากนี้โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดประมาณการราคาทองปี 2013-2014 และระบุว่าวัฏจักรช่วงขาขึ้นของราคาทองในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในปีหน้า โกลด์แมน แซคส์ ประมาณการราคาทองในช่วง 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ 1,825, 1,805 และ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ และคาดว่าราคาทองอาจอยู่ที่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปี 2014 ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเดือนพฤศจิกายนที่ประกาศในสัปดาห์นี้หลายตัวออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศของ ADP ดัชนี ISM ภาคการผลิต ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่
ราคาทองคำ เริ่มฟื้นตัวหลังร่วงลง 2 วันติดต่อกัน หลังสหรัฐฯยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการแก้ไขปัญหา fiscal cliff ด้านนักวิเคราะห์ ให้แนวรับสำหรับเก็งกำไรอยู่ที่บริเวณ 1,680 และ 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์…
ราคาทองคำถูกกดดันจากการลดการประมาณการเป้าหมายราคาทองในอนาคตของบริษัท โกลด์ แมน แซคส์ ประกอบกับปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ยังไม่มีสัญญาณว่าจะสามารถหาข้อยุติลงได้ จึงกดดันให้ราคาทองมีการปรับฐานลงในการซื้อขายระหว่างวัน อย่างไรก็ตามด้วยราคาทองที่ปรับตัวลงติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้ปริมาณการปรับตัวลงมีค่อนข้างน้อยและเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากราคาทองปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,680-1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างแรงในการซื้อขายวันอังคาร โดยราคาไม่สามารถประคองตัวเหนือแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ ต่อออนซ์
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง รายงานสถานการณ์ทองคำว่า ราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างแรงในการซื้อขายวันอังคาร โดยราคาไม่สามารถประคองตัวเหนือแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ได้ กดดันให้เกิดเป็นสัญญาณขายในทางเทคนิคจนราคาปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,690 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ และยังคงมีแรงขายกลับออกมาหลังจากในระหว่างวันเริ่มมีการดีดตัวกลับ จนราคาทองปรับตัวลงต่อในการซื้อขายเมื่อวานนี้ โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,693.28 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ปรับตัวลดลงจากระดับปิดของวันอังคาร 4.02 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,685 และ 1,706 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% วานนี้ ขายออกที่บาทละ 24,800 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,700 บาท กองทุน SPDR ยังคงรายงานว่ามีการปรับเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้นจากวันจันทร์ 2.71 ตัน ทำสถิติถือทองมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,351.54 ตัน