ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองวันนี้ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ทองแท่ง ทองรูปพรรณ ราคาทองย้อนหลัง กราฟราคาทอง ข่าวแนวโน้มราคาทอง

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

96.5%รับซื้อขายออก
ทองคำแท่ง52,600.0052,700.00
ทองรูปพรรณ51,650.1253,500.00
วันนี้ 250250
26 เมษายน 2568เวลา 09:04 น.(ครั้งที่ 1)

ข่าววิเคราะห์ทอง


ทองปรับ 300 บาท ทั้งวันปรับ 9 ครั้ง เงินบาทอ่อนยังหนุนทองในประเทศ วิกฤตซีเรียหนุนทองโลก แนวโน้มขึ้นต่อ


วันนี้(พุธที่ 28)ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยราคาทองคำวันนี้ระหว่างวันพบการเคลื่อนไหวรวมทั้งหมด 9 ครั้ง ซึ่งเป็นการปรับขึ้นติดต่อกัน 7 ครั้ง จากเปิดตลาดครั้งแรกขึ้น 100 บาท และอีก 6 ครั้งๆ ละ 50 บาท กระทั่งมีแรงเทขายกลับออกมา หลังจากราคาพุ่งกว่า 400 บาท โดยเคลื่อนไหวลดลงอีก 2 ครั้งๆ ละ 50 บาท กลับมาปิดตลาด ครั้้งที่ 9 เวลา 14.16 น. โดย ราคาปรับขึ้นไป 300 บาท

ทองคำแท่ง รับซื้อคืน บาทละ 21,700 บาท ขายออก บาทละ 21,800 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน บาทละ 21,390.76 บาท ขายออก บาทละ 22,200 บาท

ด้าน นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในปัจจุบันว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจาก

แนวโน้มราคาทองคำยังขึ้นต่อ วิกฤตซีเรีย เพดานหนี้ของสหรัฐปัจจัยหนุน ในประเทศยังได้อานิสงฆ์บาทอ่อน


แนวโน้มราคาทองคําวันนี้สถานการณ์ความตึงเครียดในซีเรีย ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐที่พุ่งแตะเพดานสูงสุดที่ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในกลางเดือนตุลาคมนี้ เป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยแนวโน้มยังจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อ แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นมามากติดต่อกันหลายวัน จึงคาดว่าจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง

ราคาทองคำเมื่อวานนี้(27) สามารถดีดตัวขึ้นระดับแนวต้านสำคัญในทางเทคนิค บริเวณ 1,425 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากนั้นก็

แนวโน้มราคาทองคำ ยังปรับขึ้น ในประเทศบาทอ่อนต่อเนื่อง หนุนทองขึ้นได้อีก


แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ ราคาทองรูปพรรณภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อวานนี้ โดยรวมแล้วยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังจากที่ราคาทองปรับขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว และปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยในระยะสั้นยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ หากราคาปรับฐานลง สามารถกลับเข้าซื้อเก็งกำไร

ด้านปัจจัยที่ส่งผลลบต่อราคาทองคำเมื่อวานนี้ จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนกรกฏาคม ร่วงลง 7.3% ซึ่งร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปี และลดลงรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะปรับตัวลง 4% ทำให้ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้ ราคาทองคำนิวยอร์คปิดลดลงเล็กน้อย หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายสามารถขยับขึ้นไปแตะ

2 เดือนราคาทองพุ่งกว่า 18% คาดไตรมาส 4 ถ้าเฟดไม่ลด QE มีสิทธิ์แตะ $1,480


แนวโน้มราคาทองคำรายงานจากต่างประเทศเผย ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน ราคาทองคำพุ่งขึ้นมา 18% แล้ว โดยราคาทองปรับตัวสูงขึ้นกว่า 9% จากระดับราคา 1,278 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในต้นเดือนสิงหาคม และใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ ราคาทองกลับทะยานขึ้นสู่ระดับ 1,398 ดอลลาร์ต่อออนซ์(สิ้นสุดวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา) ซึ่งหากเราๆ ท่านๆ ยังจำกันได้ราคาทองเคยดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ระดับราคา 1,181 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็นราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% ก็คือราคา 17,850 บาทต่อบาททองคำนั่นเอง เมื่อปลายเดือนมิถุนายน(ศุกร์ที่ 28) หรือก็คือ ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 2 เดือน

และมีรายงานผลสำรวจทิศทางราคาทองคำประจำสัปดาห์ของเว็บไซต์ราคาทองชื่อดังอย่าง Kitco.com ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วน

แนวโน้มราคาทองยังปรับขึ้นต่อ รายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่าเงินบาท ยังเป็นปัจจัยต่อการเคลื่อนไหว


แนวโน้มราคาทองคำวันนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา(19-23) ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น หลังจากมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทำให้นักลงทุนต่างประเมินว่า การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้ ประกอบกับมีแรงซื้อจากปัจจัยทางเทคนิคที่มีเข้ามามา ทำให้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นถึง 1.8% โดยในคืนวันศุกร์มีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมากจนทะลุแนวต้านสำคัญ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจัยหลักมาจากรายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ พร้อมกันนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนที่ออกสดใสในรอบกว่า 2 ปี ช่วยสนับสนุนสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นและกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

โดยเมื่อวันศุกร์(23) รายงานจากกองทุน SPDR ว่าได้เข้าซื้อทองเพิ่มขึ้นอีก 6.61 ตัน รวมการถือครองทองคำทั้งสิ้นรวมทั้งหมด 920.13 ตัน

ราคาทองพุ่งเหตุยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ ร่วงหนัก ในประเทศขึ้นอีก 250 บาท แนวโน้มขึ้นลงตามศก.สหรัฐฯ


แนวโน้มราคาทองคำวันนี้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ เหตุจากยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ ที่น่าผิดหวังได้ช่วยให้นักลงทุนมีความหวังขึ้นมาบ้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องชะลอแผนการที่จะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรออกไปก่อน เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธันวาคม ปรับตัวขึ้น 25 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,395.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน โดยตลอดสัปดาห์สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 1.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว

แนวโน้มราคาทองคำทรงตัวในระดับสูง ค่าเงินบาทอ่อน หนุนทองในประเทศขึ้น


ราคาทองคําวันนี้ราคาทองคำต่างประเทศปิดตลาดเมื่อวานนี้(22) ปรับตัวเพิ่มขึ้่นเล็กน้อย ภาพการเคลื่อนไหวยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยสัญญาทองคำนิวยอร์คตลาด COMEX ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,370.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.70 ดอลลาร์

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตในเบื้องต้นของสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยปรับตัวขึ้นมาแตะ

รายงานประชุมเฟดไม่ชัดเจน ส่งผลราคาทองคำโลกลดลง ในประเทศปรับขึ้น คาดยังผันผวน


แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ราคาทองคำผันผวนขึ้นลงในการซื้อขายเมื่อวานนี้(21) โดยมีแรงเทขายทำกำไร สลับเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร ก่อนรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ จะออกมาตอนช่วงค่ำ โดยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งหลังสุด นั้นโดยรวมยังไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการชะลอมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงินเดือนละ 85,000 ดอลลาร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่แต่ละรายของเฟดแสดงมุมมองที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการผ่อนคลายทางการเงินนี้ จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนไม่มั่นใจต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ทำให้มีแรงกดดันเทขายทองคำออกมา รวมทั้งตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ

แนวโน้มทองคำวันนี้ยังขึ้นต่อ แต่ผันผวนรอรายงานการประชุมเฟดคืนนี้ต่อพรุ่งนี้


แนวโน้มราคาทองคำวันนี้เมื่อวานนี้(20)ราคาทองคำอ่อนตัวลงในระหว่างวัน ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับก่อนปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยสัญญาทองคำCOMEX ตลาดนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อคืนทีผ่านมา เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,372.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูยอดนำเข้าทองคำของอินเดียในช่วงเทศกาลของฮินดู ซึ่งปกติแล้วอินเดียจะนำเข้าทองคำเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลนี้

สำหรับประเด็นหลักที่นักลงทุนต่างเฝ้ารอติดตามในวันนี้คือ การเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงค่ำของวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในการประชุม

ศูนย์วิจัยทองคำเผย 3 ปัจจัยหลักดันราคาทองช่วงนี้ พุ่งกว่า 1,350 บาท


แนวโน้มราคาทองคำศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาจากระดับต่ำสุด 1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาเหนือระดับ 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 8.49% ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 1,350 บาทต่อบาททองคำ หรือประมาณ 7.07% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยราคาทองคำได้รับ แรงหนุนจาก 3 ประเด็นหลักได้แก่

แนวโน้มราคาทองคำยังขึ้นต่อ ติดตามรายงานประชุมเฟดพฤหัสฯนี้


แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไร หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน และทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยราคาทองคำนิวยอร์ค ตลาดCOMEX ปิดตลาดเมื่อคืนนี้(19) ลดลงเล็กน้อย 5.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,365.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน

กองทุน SPDR รายงานว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลง 3.0 ตัน หลังจากที่เข้าซื้อติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำ 912.32 ตัน

ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอียิปต์จะผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อไป

แนวโน้มราคาทองคำสัปดาห์หน้า(19-23) ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและถ้อยแถลงเฟด คาดกดดันราคาทองลง


แนวโน้มราคาทองคำภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์นี้(12-16 ส.ค.)ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงจนทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นทะลุ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจัยหนุนหลักมาจาก

-อุปสงค์ของผู้บริโภคทองคำรายใหญ่อันดับ 1 และ อันดับ 2 ของโลกอย่าง อินเดียและจีน ซึ่งคาดว่าปีนี้จีนจะแซงหน้าอินเดียเป็นประเทศที่บริโภคทองคำรายใหญ่อันดับ 1 ของโลกแทน
-เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากรายงานเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของยูโรโซนหลุดจากภาวะถดถอยติดต่อกัน 6 ไตรมาส
-สถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงในประเทศอียิปต์