ราคาทองคําวันนี้

ทองปิดบวก 4 วันทำการ แรงหนุนจากความตึงเครียดในยูเครนและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ในประเทศขึ้น 50 บาท

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยประเด็นปัญหาระหว่างยูเครนและรัสเซียรวมทั้งภาวะเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวยังคงเป็น ปัจจัยหนุนต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในขณะนี้ ส่วนเมื่อคืนที่ผ่ามารายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ส่งผลเป็นแรงสกัดไม่ให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ในปริมาณมาก

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์คปิดตลาด พบว่าปรับขึ้น 1.9 ดอลลาร์ ที่ระดับ 1,372.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาซื้อขายทองในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ทองคำแท่ง ขายออกที่บาทละ 21,000 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,900 บาท ส่วน ทองรูปพรรณ ขายออกที่บาทละ 21,400 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,602.44 บาท

ทางด้าน กองทุน SPDR Gold Trsut รายงานว่า ได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้นราว 2.10 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 813.30 ตัน

นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับการลงมติของชาวไครเมียในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมนี้ว่าจะเลือกเป็นรัฐอิสระที่ปกครองโดยยูเครนต่อไป หรือจะกลับเป็นส่วนหนึ่ง

ทองคำพุ่งสูง จากวิตกความตึงเครียดในยูเครนและกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ในประเทศบาทอ่อนช่วยหนุนขึ้นอีก 250 บาท

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนปีที่ผ่านมา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ประกอบกับทองคำได้รับแรงหนุนจากความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

ราคาทองปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากปัญหาระหว่างยูเครนและรัสเซียกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยราคาทองปรับตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือแนวต้านบริเวณ 1,350-1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสามารถขึ้นไปปิดตลาดในระดับ 1,370.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติของไครเมียในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครอง

ทองขึ้นรับประเด็นความขัดแย้งในยูเครนและความกังวลเศรษฐกิจจีน ในประเทศเช้านี้ขึ้น 200 บาท

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจากได้รับแรงหนุนจากประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย และคาดว่าในระยะนี้ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ต่อ

นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ยังคงไม่แน่นอนในยูเครน หลังจากรัฐสภาของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียมีมติรับคำประกาศอิสรภาพจากยูเครน ซึ่งระบุว่าไครเมียจะกลายเป็นเอกราช หากชาวไครเมียประมาณ 2 ล้านคนลงคะแนนสนับสนุนการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในการทำประชามติวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ทางด้านรัสเซียก็ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวต่อสถานการณ์ไครเมีย

นอกจากนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของจีนยังคงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำ โดยกรมศุลากรจีนรายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ ร่วงลง 18.1% จากปีก่อน ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.1% ส่งผลให้จีนมียอดขาดดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2.298 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง

ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ คาดรอปัจจัยใหม่ เศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาดถ่วงราคาไว้ ในประเทศเช้านี้ขึ้น 50

ราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบมากขึ้น หลังสัปดาห์ที่แล้วผันผวนเป็นอย่างมาก ประเด็นรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐโดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาดีเกินคาด ยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองอยู่ในเวลานี้ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐทีออกมาแข็งแกร่งเกินคาด จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรลงอีกในการประชุมที่จะมีขึ้นปลายเดือนนี้

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์ นั้นมาจากการที่คนอเมริกันที่ตกงานเริ่มต้นหางานอีกครั้งหลังจากผ่านสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงปลายปี และกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตลาดแรงงาน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้แนวโน้มการจ้างงานและเศรษฐกิจสหรัฐสดใสมากขึ้นได้เป็นแรงกดดันต่อแนวโน้มราคาทองคำ

ในขณะที่มีรายงานจากกรมศุลกากรจีนว่า ยอดการส่งออกของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนกุมภาพันธ์กว่า 18.1% ส่งผลให้จีนขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่

ทองยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด ระยะสั้นยังคงผันผวนจากหลายปัจจัย ในประเทศบาทแข็งกดดันต่อ

ราคาทองคำมีความผันผวนเป็นอย่างมากในระยะสั้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำร่วงลงกว่า 1.01% หลังจากสหรัฐประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ออกมาดีกว่าที่คาด โดยพบว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง หลังจากในเดือนมกราคมได้เพิ่มขึ้น 129,000 ตำแหน่ง และถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 6.7% จาก 6.6% ก็ตาม

และจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐโดยเฉพาะด้านแรงงานที่แข็งแกร่งส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำไม่น่าดึงดูดใจอีกต่อไป โดยตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานเป็นพิเศษ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมินแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะยังคงเดินหน้าลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงอย่างต่อเนื่องทีละน้อยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในประเทศยูเครนที่ยังมีปัญหา หลังรัฐบาลท้องถิ่นของไครเมีย

สัปดาห์นี้ทองคำค่อนข้างผันผวนจากประเด็นความขัดแย้งในยูเครน สัปดาห์หน้ายังต้องติดตามต่อ เมื่อคืนเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด ทำทองร่วง

ราคาทองคำในสัปดาห์นี้(3-7 มีนาคม) ค่อนข้างผันผวนเป็นอย่างมาก จากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน ทำให้ในช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน ที่ระดับราคา 1,354 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้รับไฟเขียวจากรัฐสภาให้ส่งทหารเข้าไปในไครเมีย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองทางตอนใต้ของยูเครนได้

อย่างไรก็ดี ราคาทองถูกแรงเทขายออกมาจนทำให้ราคาอ่อนตัวลงมา หลังมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีรัสเซียสั่งการให้ทหารที่เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อม เคลื่อนกำลังกลับฐาน ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจกับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นหลัก หลังจากสถานการณ์ในยูเครนคลี่คลายลง ซึ่งการรายงานการจ้างงานทั่วประเทศและดัชนี ISM ภาคบริการเดือนกุมภาพันธ์ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทำให้ทองคำยังคงสถานะทรงตัวในกรอบ

ในขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา รายงานเศรษฐกิจของสหรัฐที่สำคัญซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจอย่างตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เปิดเผยออกมาดีเกินคาด ส่งผล