ภาพรวมราคาทองคำสัปดาห์นี้เคลื่อนใหวในกรอบแนวรับแนวต้านสำคัญ โดยทองคำปรับตัวร่วงลงหลุดระดับแนวรับสำคัญ 1,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระดับ 1,074.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2010
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 50,600.00 | 50,700.00 |
ทองรูปพรรณ | 49,694.48 | 51,500.00 |
วันนี้ 150 | -50 | |
19 พฤษภาคม 2568 | เวลา 16:18 น. | (ครั้งที่ 13) |
ข่าวข่าวค่าเงิน
ราคาทองคำปิดร่วงลงเป็นวันที่ 2 แตะระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนเนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ หลังล่าสุดมีความเห็นสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์
ราคาทองคำนิวยอร์กกลับมาปิดลดลงเป็นวันแรกของสัปดาห์หลังจาก 2 วันก่อนหน้านี้ทองคำสามารถยืนในแดนบวกได้ โดยปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำยังมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในช่วงเดือนธันวาคม
ราคาทองคำนิวยอร์กขยับขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย ภาพรวมทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ปัจจัยบวกทองคำมาจากรายงานเศรษฐกิจข้อมูลราคานำเข้าเดือนตุลาคมของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ
ราคาทองคำนิวยอร์กหยุดการร่วงลงได้เป็นวันแรกในรอบ 7 วัน เนื่องจากเพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ทองคำยังมีปัจัยลบกดดันจากความกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
ราคาทองคำเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำปรับลดลงอย่างหนัก เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงตลาดมีความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนในเดือนธันวาคม หลังจากข้อมูลการจ้างงานเดือนตุลาคมของสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด
ราคาทองคำนิวยอร์กปิดร่วงลงเป็นวันที่ 7 โดยล่าสุดทองคำได้รับปัจจัยลบกดดันเนื่องจากรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอย่างตัวเลขการจ้างนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนธันวาคมนี้
ราคาทองคำนิวยอร์กปิดร่วงลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยทองคำยังคงได้รับปัจจัยลบจากแรงกดดันเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และการส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปเดือนธันวาคม ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)