ราคาทองคําวันนี้

ทองปรับขึ้น 2 วันติด ขานรับIMF ปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลก คืนนี้จับตารายงานเฟด ในประเทศบาทอ่อนช่วยหนุนทองได้มาก

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ประกอบกับการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้นเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามพบการปรับตัวขึ้นของราคาทองระยะนี้ยังอยู่กรอบจำกัด คาดปัจจัยหนุนยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ในขณะที่ประเด็นแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ยังเป็นปัจจัยลบที่ชัดเจนกดดันการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

เมือคืนที่ผ่านมานักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ และหลังจากที่ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 สู่ระดับ 3.3% และปี 2558 สู่ระดับ 3.8% ซึ่งลดลง 0.1% และลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนกรกฏาคม 0.2% โดยไอเอ็มเอฟให้เหตุผลถึงการปรับลดคาดการณ์ว่า เป็นเพราะความอ่อนแอในยูโรโซน หลังมีรายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีหดตัวลงมากที่สุดในรอบ5 ปี และการชะลอตัว

ทองร่วงหนักใกล้จุดต่ำสุด $1,180 เมื่อมิถุนายน 56 จากข้อมูลแรงงานสหรัฐสดใส ในประเทศบาทอ่อนทองลงน้อย

ราคาทองคำสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงหนักหลุดระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเคลื่อนไหวใกล้แนวรับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ทองร่วงหนักสุดเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2556 หลังพบรายงานข้อมูลเศรษฐกิจด้านแรงงานของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งได้กดดันราคาทองคำผ่านการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น หลังจากมีการรายงานตัวเลขจำนวนคนว่างงานของสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี และตัวเลขคนว่างงานดังกล่าวยังลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะเดียวกัน จำนวนตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนกันยายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่ง หลังจากปรับตัวขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกปรับทบทวนขึ้นจากรายงานเบื้องต้นที่ 142,000 ตำแหน่ง

และจากข้อมูลเศรษฐกิจด้านแรงงานของสหรัฐข้างต้นได้กระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

ทองกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังเศรษฐกิจสหรัฐไร้ทิศทาง คืนนี้ตามตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ในประเทศบาทอ่อนยังช่วยหนุนทอง

ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย ส่วนภาพรวมยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ขณะที่ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรปหรือ อีซีบี เมื่อวานที่ผ่านมาพบว่า ยังไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เพิ่มเติม จึงยังไม่พบการเคลื่อนไหวของสกุลเงินยูโรต่อสกุลเงินดอลลาร์ ผ่านมาทางราคาทองคำ

เมื่อวานนี้ประเด็นที่นักลงทุนต่างเฝ้าจับตาอยู่ที่ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) โดยหลังการประชุมประธานธนาคารกลางยุโรปได้ออกแถลงการณ์โดยสรุปว่าจะยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เพิ่มเติมที่ได้ดำเนินการมาแล้ว ส่วนมาตรการที่อีซีบีเตรียมนำมาใช้นั้น นักลงทุนบางส่วนยังไม่มั่นใจว่าจะเพียงพอสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มยุโรปได้ ส่วนประเด็นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปนั้น ในการประชุมวานนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ระดับติดลบ 0.2% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับติดลบ 0.3%

ทางด้านรายงานจาก กองทุน SPDR Gold Trust พบว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลงอีกราม 1.19 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 767.47

ทองร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่ เหตุดอลลาร์แข็งเทียบกับยูโร จากกังวลอีซีบีกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในประเทศบาทอ่อนทองลงน้อย

ราคาทองคำร่วงลง เข้าใกล้แนวรับจิตวิทยา 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนกันยายน ลดลงแตะ 0.3% จากระดับ 0.4% ในเดือนสิงหาคม

ขณะที่รายงานข่าวจาก สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ว่า ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย และหากพิจารณาเป็นรายสัปดาห์พบว่า ทองคำปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าทองคำอาจจะปรับฐานลงในปีนี้ โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร และยังมีทิศทางจะแข็งค่าต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ จึงอาจเห็นราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่อในปีหน้า

ส่วนสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เมื่อวานนี้ราคาทองคำลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,204.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 1 มกราคม 2014

ทองลงต่อเนื่อง จากดอลลาร์แข็งเหตุเศรษฐกิจสหรัฐสดใส แนวโน้มอยู่ในขาลง จับตาแนวรับสำคัญ $1,200

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากเมื่อวันศุกร์ สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นกดดันต่อราคาทองคำให้อ่อนตัวลง ขณะที่ในทางเทคนิคพบว่า เมื่อราคาทองปรับตัวลงใกล้แนวรับบริเวณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยแรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากความต้องการใช้ทองจริงเมื่อใกล้เข้าช่วงเทศกาลสำคัญของอินเดีย

โดยเมื่อวันศุกร์ทองคำไดัรับแรงกดดันเพิ่มเติมจากรายงานข้อมูลการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเห็นได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐ ขยายตัว 4.6% ในไตรมาสสองของปี 2557 ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2554 โดยจีดีพีล่าสุดได้รับการปรับทบทวนขึ้นจากตัวเลขประมาณครั้งก่อนที่ 4.2% และพลิกกลับมาขยายตัวจากไตรมาสแรกที่หดตัว 2.1% การปรับตัวเพิ่มขึ้นของจีดีพีไตรมาสสองมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ มาจากการใช้จ่ายผู้บริโภค การส่งออก และการลงทุนในสินค้าคงคลังภาคเอกชน และนอกจากตัวเลขจีดีพีแล้ว

ทองฟื้น หลังพบเศรษฐกิจสหรัฐซบเซา ส่งผลตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงหนัก ในประเทศเช้านี้พุ่งพรวด 200

ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดบริเวณ 1,200-1,205 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแรงซื้อกลับเข้าหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา กลับกันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยก็กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง

นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ ภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา

ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐได้แสดงถึงความไม่แน่นอนอีกครั้ง เมื่อยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนสิงหาคม ร่วงลง 18.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 18% เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนลดลงอย่างมาก ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ก็พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 12,000 ราย ที่ระดับ 293,000 ราย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัด