ราคาทองคําวันนี้

ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง กดดันทองคำโลกร่วงต่อ ในประเทศทองแท่ง ทองรูปพรรณ หลุด 20,000 ทั้งเดือนตุลาทองลง 150 บาท

ภาพรวมราคาทองคำตลอดทั้งสัปดาห์นี้(28ต.ค.-1พ.ย.) ผันผวนขึ้นลงตามรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และภาพรวมตลอดทั้งเดือนทองคำร่วงลงกว่า 0.3% แตะที่ระดับต่ำสุดที่ 1,323.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และระดับสูงสุดที่ 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าทองคำจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้างๆ ที่ราว 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

รายงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ช่วงต้นสัปดาห์อย่างตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนตุลาคม ออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์เป็นปัจจัยหนุนทองคำปรับขึ้นสูงประกอบกับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานต่อไป ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ทำให้ทองคำเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากราคาปรับขึ้นสูง และกดดันทองคำให้ปรับตัวอ่อนลง ประกอบกับช่วงปลายสัปดาห์มีรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอ ค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ทองยังแกว่งตัวผันผวนไร้ทิศทาง และขึ้นลงตามรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในประเทศทองแท่งยังเกาะระดับ 19,750-19,850 เหนียวแน่น

ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวน จับทิศทางไม่ชัดเจน โดยก่อนการแถลงผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ราคาปรับตัวสูงขึ้นและค่อยๆ ลดระดับลงมา และหลังจากถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าได้คงนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานต่อไป ก็เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา ทำให้ทองคำร่วงลงหลุดแนวรับสำคัญ

โดยผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนตีหนึ่งเมื่อคืนทีผ่านมา ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น(fed funds rate)ที่ระดับต่ำสุด 0-0.25% และจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 85,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องการรอดูหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจะมีความคืบหน้าอย่างยั่งยืน ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนขนาดวงเงินซื้อพันธบัตรต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้ทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อย่าง ภาคตลาดแรงงาน โดย ADP บริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ

ทองคำทรงตัวรอผลประชุมเฟด วันนี้และพรุ่งนี้ ระยะสั้นขึ้นต่อ ในประเทศทองแท่งถึง 20,000 แล้ว

เมื่อวานนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังจากทองคำปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้(29) คาดว่าจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบลักษณะเดียวกับเมื่อวาน(28) โดยนักลงทุนต่างรอดูผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ในวันนี้และพรุ่งนี้(29-30 ต.ค.) และจะมีรายงานออกมาช่วงกลางดึกคืนพรุ่งนี้ถึงเช้าวันพฤหัสบดี(31) ตามเวลาในไทย ซึ่งไม่สามารถคาดเดาเรื่องการประชุมได้ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(QE) ต่อไป เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนประเด็นที่นักลงทุนยังคงจับจ้องอยู่ก็คือ สัญญาณที่จะบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดขนาดการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 85,000 ล้านดอลลาร์เมื่อใด.

ส่วนราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดวันนี้ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท ทำให้ทองคำแท่งขายออกขึ้นทดสอบ 20,000 บาท ส่วนทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่บาทละ

ทองบวกต่อเนื่อง สัปดาห์หน้าติดตามการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐ ส่วนประชุมเฟดคาดไม่กระทบทองมาก

ราคาทองคำสัปดาห์นี้(21-25) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์กว่า 2.9% และขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ระดับ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติดหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา(14-18) ทองคำปรับเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 3.7% หลังจากสหรัฐฯ สามารถยุติการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง และปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันเวลา

สำหรับสัปดาห์นี้ทองคำได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอ อันเป็นผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและยังคงไม่ชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ในช่วงการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งของปีนี้ และอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำมาจากรายงานเศษฐกิจดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของจีนที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวเนื่องจากจีนเป็นประเทศ