ราคาทองคําวันนี้

สุดสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์ ถึงแม้ว่าสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าก็ตาม

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ซึ่งร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปีเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้ว่ารายงานเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาจะออกมาแข็งแกร่ง ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวสหรัฐได้ทำการใช้จ่ายมากขึ้น หลังจากที่ยอดค้าปลีกแทบไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้บริโภคทำการออมมากขึ้น

นักวิเคราะห์ของสำนักข่าวซินหัวเชื่อว่า แนวโน้มราคาทองคำยังคงซบเซาในระยะยาว เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในเดือนนี้ ดังนั้นยังต้องระวังแรงเทขายทองคำอันเนื่องมาจากที่สกุลเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นหลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้นักลงทุนถอนตัวออกจากตลาดทองคำ เนื่องจากตลาดโลหะมีค่าไม่มีผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ย

ทางด้านราคาทองคำในประเทศ เมื่อวานนี้ทองในประเทศเคลื่อนไหวรวม 3 ครั้งโดยเป็นการปรับลดลง 2 ครั้งและปรับเพิ่มขึ้น 2 ครั้งโดยสรุปราคาตอนปิดตลาดพบว่าทองปรับลดลง 100 บาท โดยมีค่าเงินบาทที่อ่านค่าแตะระดับกว่า 36 บาทต่อดอลลาร์เป็นแรงหนุนสำคัญต่อทองในประเทศซึ่งจะพบว่าหากทองปรับลดลงจะลดลงได้น้อยกว่าปกติตรงกันข้ามหากราคาปรับเพิ่มขึ้นจะปรับเพิ่มได้มากกว่าปกติ ขณะที่เปิดตลาดในวันเสาร์ทองปรับขึ้น 150 บาท และสรุปราคาทองในประเทศทั้งสัปดาห์นี้พบว่า ทองปรับขึ้น 350 บาท

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,065-1,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ยังคงต้องระวังแรงเทขายทำกำไร โดยราคาทองคำมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,065 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,080และ 1,085 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ