ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองคำปรับลดลงเป็นวันที่ 2 เนื่องมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮลในวันศุกร์ที่จะถึงนี้

ทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ที่บริเวณ 1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวานนี้ เนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์จากนักวิเคราะห์หลายสำนักที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด อาจส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮลในวันศุกร์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีประธานสาขาของเฟดได้แสดงความเห็นในทิศทางบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งทำให้คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

ทั้งนี้มีนักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอสคาดว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่แจ็คสันโฮลครั้งนี้ พร้อมกับแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ขณะที่นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดว่า ในการประชุมประจำปีที่แจ็คสันโฮลครั้งนี้ นางเยลเลนจะส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญานบวกต่อตลาดทองคำ เมื่อมีรายงานจากกองทุน SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ของโลกได้ทำการเข้าซื้อทองคำ 2.38 ตัน เมื่อวานนี หลังจากก่อนหน้านี้กองทุน SPDR มีการขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในช่วงคืนนี้ จะมีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีPMI ภาคการผลิตเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. ส่วนประเด็นสำคัญที่นักลงทุนเฝ้าติดตามอยู่ที่การแถลงสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค. ซึ่งจับตาว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณถึงช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

ทางด้านราคาทองในประเทศ เปิดตลาดทองวันอังคารราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดตลาดวานนี้ โดยเมื่อวานนี้ราคาเคลื่อนไหวลดลง 2 ครั้ง รวมราคาปรับตัวลดลง 100 บาท ส่วนภาพรวมราคาทองในวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยทั้งนี้มีการคาดว่าตลาดทองคำรวมถึงตลาดการเงินทั่วโลกต่างรอแถลงการณ์ของประธานเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันศุกร์ที่จะถึงนี้

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวรับสำคัญระยะสั้นที่ 1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาที่แนวรับดังกล่าว แต่ถ้าหลุด 1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,315 และ 1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ขณะที่แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,350 และ 1,357 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ