ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองคำนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อทางเทคนิค หลังราคาปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย และมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อจับสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนเข้าช้อนซื้อทอง หลังจากราคาปิดร่วงลงอย่างหนักในรอบกว่า 1 เดือนเมื่อวานนี้ นอกจากนี้การร่วงลงของตลาดหุ้นยุโรปก็ได้ช่วยหนุนความน่าสนใจต่อทองคำด้วย ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ราคาทองปรับตัวขึ้นท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ แม้ว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ว่าราคาทองจะอ่อนแรงลงอีก

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็รอดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อประเมินความชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ

ส่วนรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการเปิดเผยข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 275,000 ราย และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงเป็น 279,000 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 27 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

ส่วนในคืนวันนี้รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ จะมีการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนสิงหาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ทางด้านราคาทองในประเทศ เมื่อวานนี้ ทองในประเทศเคลื่อนไหวตอนเปิดตลาดเพียงครั้งเดียว โดยเป็นการปรับลดลง 150 บาทซึ่งเป็นผลจากการร่วงลงของทองคำตลาดโลก ส่วนเปิดตลาดทองในประเทศเช้าว้นศุกร์สุดสัปดาห์ ราคาคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาเมื่อวาน ขณะที่ค่าเงินบาทพบการแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวาน แต่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว โดยนักบริหารการเงินมองว่า การเคลื่อนไหวขาดปัจจัยใหม่ ซึ่งคาดว่ายังรอผลการประชุมของเฟดในสัปดาห์หน้าชี้นำการเคลื่อนไหวต่อไป

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำทางด้านเทคนิคไม่สดใส หลังจากเครื่องมือทางเทคนิค MACD กลับมาอยู่ในแดนลบ ส่งสัญญาณว่าราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในระยะสั้นและระยะกลาง อย่างไรก็ดีคาดว่าในวันนี้ราคาทองคำจะยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ขณะที่มีแนวต้านระหว่างวันที่ 1,125 ดอลลาร์ต่อออนซ์