ทองฟื้นรับข่าวจีน-อินเดีย นำเข้าทองเพิ่มขึ้น
โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับบริเวณ 1,440 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ แต่ยังไม่สามารถดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,470-1,480 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ขึ้นไปได้ ภาพการฟื้นตัวของราคาทองคำในทางเทคนิคจึงยังคงไม่ชัดเจน…
เมื่อวันที่พฤหัสบดีที่ 9 พ.ค. 56 ฮั่วเซ่งเฮงรายงานสถานการณ์ทองคำว่า ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับบริเวณ 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,470-1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ ภาพการฟื้นตัวของราคาทองคำในทางเทคนิคจึงยังคงไม่ชัดเจนและควรระวังแรงขายที่อาจมีสลับออกมา
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และรายงานข่าวจีนและอินเดียนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อคืนนี้(พุธที่ 8พ.ค.56)ที่ 1,472.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,447 และ 1,476 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้(พุธที่ 8พ.ค.56) ขายออกที่บาทละ 20,250 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,150 บาท ทองรูปพรรณชนิด 96.5% ขายออกที่บาทละ 20,650 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 19,859.60 บาท กองทุน SPDR รายงานว่ามีการลดการถือครองทองคำลงจากวันศุกร์ราว 6.32 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 1,051.47 ตัน
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า อุปสงค์ทองคำจากจีนและอินเดียมีปริมาณมากขึ้น โดยข้อมูลจากรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งเปิดเผยวานนี้ระบุว่า ปริมาณการนำเข้าทองคำจากฮ่องกงของจีนได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 2 เท่า ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม ในขณะที่ยอดสั่งซื้อทองคำของอินเดียมีแนวโน้มที่จะสูงกว่า 100 ตัน เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม ช่วยลดแรงกดดันจากการลดปริมาณการถือครองทองคำของกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ถือครองทองคำขนาดใหญ่ที่สุดไปได้พอสมควร
ส่วนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ โดยรวมแล้ว ยังไม่มีประเด็นที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการซื้อขายเก็งกำไรในระยะนี้ควรเป็นการซื้อขายเก็งกำไรในช่วงสั้นๆ หากราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับ สามารถกลับเข้าซื้อสะสม และขายทำกำไรในช่วงที่ราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน นักลงทุนยังคงรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนของจีน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวขึ้นราว 2.3% หากรายงานออกมาสูงกว่าที่คาด ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนประเมินว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินของจีนอาจหยุดชะงักลง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราว 3.33 แสนตำแหน่ง หากรายงานออกมาต่ำกว่าผลสำรวจ ก็จะเป็นปัจจัยลบกดดันราคาทอง ผ่านมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับการยุติการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิค ซึ่งยังไม่สามารถดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ ภาพการฟื้นตัวจึงยังไม่ชัดเจน และต้องระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมาจากแนวต้านดังกล่าว โดยคาดว่าราคาทองมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,440-1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอปัจจัยใหม่ และคาดว่าจะมีแรงซื้อขายเข้ามามากขึ้นหากราคาเคลื่อนไหวออกนอกกรอบแนวรับและแนวต้านดังกล่าว.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ดอลลาร์แข็งค่า-พันธบัตรสหรัฐพุ่ง ฉุดทองคำโลกทองไทยร่วงลงหนัก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 43,600.00 | 43,700.00 |
ทองรูปพรรณ | 42,811.84 | 44,200.00 |
วันนี้ 600 | 50 | |
21 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 15:38 น. | (ครั้งที่ 7) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง