ทองฟื้น! หลังดอลลาร์อ่อน ในประเทศเงินบาทแข็งทองขึ้นไม่มาก
โดย
ราคาทองคำเช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเมื่อวานนี้ราคาเคลื่อนไหวค่อนข้างน้อย โดยทองคำกลับมาได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันแรกหลังจากราคาปรับตัวลดลงติดต่อกันนาน 2 วัน ในประเทศเงินบาทยังแข็งค่าส่งผลทองปรับขึ้นได้ไม่มาก
ตลาดทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากตลาดเกิดความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้มีน้อยลง โดยความกังวลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่าประสิทธิภาพการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะอ่อนแอ และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะไม่เติบโตอย่างรวดเร็วเท่าที่คาด โดยประสิทธิภาพการผลิตของสหรัฐในไตรมาส 2 ลดลง 0.5%
ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ของโลก เมื่อวานนี้ขายทองคำออกมาอีก 1.18 ตัน และเป็นการขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
ส่วนประเด็นเศรษฐกิจที่นักลงทุนให้ควาามสำคัญเฝ้าติดตามในวันที่ 26 ส.ค. จะมีการแถลงสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมธนาคารกลางที่แจ็คสัน โฮล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่าช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้านรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีข้อมูลที่สำคัญต่อทิศทางตลาดมากนัก โดยนักลงทุนให้ความสำคัญจับตาดูข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกรกฎาคม ในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาไทย
แนวโน้มราคาทองคำในประเทศ เปิดตลาดทองวันพุธราคาปรับขึ้น 100 หลังจากเมื่อวานนี้ไม่พบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำตลอดทั้งวัน โดยราคาซื้อขายยืนราคาเมื่อวันจันทร์ หลังจากก่อนหน้านี้ 2 วันราคาทองปรับลดลงไปรวม 400 บาท โดยปัจจัยการฟื้นตัวของทองในประเทศเป็นการฟื้นตัวตามทองคำตลาดโลก หลังจากได้แรงบวกจากปัจจัยการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี การที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลให้สกุลเงินบาทและภูมิภาคแข็งค่าขึ้นและกลับมาเป็นปัจจัยลบต่อต่อทองในประเทศให้ปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ ยังมีโอกาสแข็งค่าได้อีก เนื่องจากช่วงนี้ยังมีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ยังดูไม่สดใสนักจึงส่งผลให้ดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,330-1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวคาดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,315 และ 1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ขณะที่มีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,367 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่เป็นแนวต้านแข็งแกร่งในระยะสั้น
สงครามการค้าสหรัฐ-จีนทวีความรุนแรง หนุนแรงซื้อทองคําพุ่งขึ้น
ดอลลาร์แข็ง-แรงขายทางเทคนิคฉุดทองคําตลาดโลก-ไทยร่วงต่อเนื่อง
แรงขายฉุดทองคําโลก-ไทยร่วงหนัก เพื่อเข้าซื้อสกุลเงินปลอดภัย
ดอลลาร์แข็ง-แรงขายฉุดทองคําโลกร่วงต่อ ทองไทยบาทอ่อนช่วยหนุน
แรงเทขายทำกำไรฉุดทองคําโลก-ไทยร่วงหนัก กลับมาเท่าต้นสัปดาห์
แรงขายทำกำไรฉุดทองคําโลกร่วงหนัก ทองไทยบาทแข็งร่วมกดดันลงแรง
ทองคำโลก-ไทยพุ่งนิวไฮแรง หลังทรัมป์ประกาศภาษีตอบโต้ทั่วโลก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 50,300.00 | 50,400.00 |
ทองรูปพรรณ | 49,391.28 | 51,200.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
10 เมษายน 2568 | เวลา 16:48 น. | (ครั้งที่ 1) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง