ทองยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง หลังยืนเหนือระดับ $1,300 ในประเทศบาทแข็งสุด ขึ้นน้อยกว่าปกติ
โดยราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง ส่วนเมื่อวานนี้ตลาดทองคำสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดี(President’s Day) ทำให้การซื้อขายค่อนข้างเบาบาง อย่างไรก็ตามประเด็นรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ผ่านมามีสัญญาณชะลอตัวลง ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ประกอบกับปัญหาความกังวลในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนของประเทศตลาดเกิดใหม่ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองให้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้
ในขณะที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน โดยธนาคารกลางจีน เปิดเผย ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าและสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะไม่ชะลอตัวมากเท่ากับที่วิตก ข้อมูลที่แข็งแกร่งของจีนในเดือนมกราคมช่วยหนุนราคาทองคำให้ดีดตัวขึ้น
ในขณะเดียวกันก็พบว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดในกลุ่มยูโรโซน โดยเฉพาะในเยอรมนีและฝรั่งเศส ได้ช่วยหนุนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 4/2556 ให้เติบโตสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่อ่อนแอสวนทางกับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของทั้งจีนและยูโรโซน ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ซึ่งจากประเด็นและปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ได้สะท้อนภาพการเคลื่อนไหวและทิศทางราคาทองคำให้อยู่ในช่วงขาขึ้น โดย UBS ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจของสวิตเซอร์แลนด์ คาดว่าราคาทองคำจะสร้างกรอบราคาใหม่เหนือระดับ 1,300 เหรียญ และกล่าวกับลูกค้าว่า ราคาทองคำจะ “ค่อยๆ” ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้
ทางด้านราคาทองคำในประเทศพบว่ายังปรับตัวขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าการปรับขึ้นของราคาทองคำตลาดโลก เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และแตะระดับแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ซึ่งเป็นมาผลจากแรงเทขายดอลลาร์สหรัฐของนักลงทุน หลังอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์กับค่าเงินบาทผ่านระดับ 32.50 บาทลงมา อย่างไรก็ตาม วันนี้ติดตามทิศทางค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด จากประเด็นวิกฤติการเมืองในประเทศกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากเริ่มมีการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมจากรัฐบาล และเช้านี้พบว่าทิศทางเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกหนุนราคาทองในประเทศได้
ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองในทางเทคนิค บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เมื่อวานนี้ราคาทองคำปิดตลาดทรงตัวที่แนวต้านบริเวณ 1,325-1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีแนวโน้มที่ราคาทองจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,355-1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ต่อไป การปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันของราคาทองจึงอาจมีการขายทำกำไรกลับออกมา และหากราคากลับอ่อนตัวลง ที่แนวรับบริเวณ 1,315 และ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังเป็นระดับแนวรับที่สามารถกลับเข้าซื้อเก็งกำไร
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง