ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองคำนิวยอร์กต้นสัปดาห์ปิดร่วงลงกว่า 10 ดอลลาร์ เนื่องมาจากแรงเทขายทำกำไรหลังทองคำพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การกลับมาแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อทองคำ จากที่ก่อนหน้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าหนุนทองมาตลอดหลายวัน

ทองคำยังถูกเทขายเพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่องหลังจากพุ่งขึ้นติดต่อหลายวันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก่อนที่การประชุม ECB จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ ได้ส่งผลให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงและได้กดดันต่อทองคำผ่านการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังกดดันให้ทองคำถูกลดความน่าสนใจลง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ(NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 64 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2005 โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ

ส่วนในคืนวันนี้มีประเด็นเศรษฐกิจที่ตลาดให้ความสนใจอยู่ที่ คำแถลงของประธานเฟด และประธานเฟดสาขานิวยอร์ค ที่คาดว่าจะมีแถลงถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ส่วนรายงานเศรษฐกิจสหรัฐจะมีตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้านเดือนกันยายน

ทางด้านราคาทองคำในประเทศ เมื่อวานนี้แม้ว่าทองคำจะเคลื่อนไหวผันผวนถึง 5 ครั้งโดยเป็นการปรับลดลง 3 ครั้งและปรับขึ้น 2 ครั้ง แต่ราคาโดยรวมยังปรับลดลงไม่มากเพียง 50 บาท ขณะที่เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงหลังจากที่แข็งค่าขึ้นมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนเปิดตลาดทองในประเทศเช้าวันนี้ ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ ส่วนเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า โดยนักบริหารการเงินกล่าวว่า เงินบาทรอปัจจัยประชุม ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ซึ่งหากพบว่า ECB ดำเนินการเพิ่มเติม QE จะทำให้เงินยูโรก็จะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าตาม

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วัน คาดว่าราคาทองคำจะเริ่มแกว่งตัวในกรอบที่แคบลง  โดยระยะสั้นมีแนวรับที่ 1,165 และ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ขณะที่มีแนวต้านที่  1,180 และ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ