ทองร่วงลงหนักตลอดทั้งสัปดาห์ จากกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ในประเทศสัปดาห์นี้ลง 450
โดยราคาทองคำร่วงลงต่อเนื่องและทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 1,232 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยถูกแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ส่งสัญญานแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดรอบ 14 เดือน ขณะเดียวกันกระแสคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น โดยการพุ่งขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้สร้างความน่าสนใจให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรเข้ามายังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตรงกันข้ามได้ส่งแรงกดดันอย่างหนักมายังราคาทองคำให้ร่วงลง โดยพบว่าเดือนนี้ทองคำร่วงลงไปแล้วกว่า 6.2%
โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองจะมีแนวโน้มอ่อนแรงลง หากธนาคารกลางสหรัฐคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น โดยในปีนี้ ราคาทองมีการปรับตัวผันผวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัจจัยความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทางการเมืองทวีความรุนแรงหรือผ่อนคลายความตึงเครียดลง
ในขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมารายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐส่งสัญญานแข็งแกร่งต่อเนื่อง เริ่มจากยอดค้าปลีกในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า แตะระดับ 4.444 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของชาวอเมริกันกระเตื้องขึ้น และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ข้อมูลค้าปลีกล่าสุดเน้นย้ำถึงกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกันว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปีหน้า หลังจากที่ตรึงดอกเบี้ยต่ำมานับแต่ปี 2551
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนกันยายน เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 84.6 จากระดับเดือนสิงหาคม ที่ 82.5 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ในขณะที่ผลการสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อในรอบ 1 ปี ร่วงลงมาอยู่ที่ 3.0% จากระดับ 3.2% ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วง 5-10 ปี อยู่ที่ 2.8%
ส่วนสัปดาห์หน้า(15-19 ก.ย.) นักลงทุนต่างเฝ้าจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในช่วงต้นสัปดาห์ถึงกลางสัปดาห์ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเจ้าหน้าที่เฟด จะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ต่อไป และจะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ส่งผลให้วงเงินสำหรับการซื้อพันธบัตรเหลือ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และหากเป็นเช่นนี้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE จะสิ้นสุดในการประชุมเดือนตุลาคม และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่นักลงทุนเฝ้าติดตามอยู่ที่ คำแถลงหลังการประชุมของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อดูท่าทีต่อตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนดจะช่วยหนุนราคาทองคำได้
ทางด้านราคาทองคำในประเทศ ตลอดทั้งสัปดาห์นี้พบว่าทองลง 450 บาท โดยเป็นผลมาจากทองคำตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่ค่าเงินบาทพบการอ่อนค่าลง แต่ก็เพียงแค่พยุงราคาทองในประเทศได้เพียงเล็กน้อย
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ภาพทางเทคนิคราคาทองยังมีการทำจุดต่ำสุดในระหว่างวันและยังไม่สามารถสร้างฐานสำหรับดีดตัวกลับ ภาพเทคนิคของราคาทองจึงยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ โดยมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,220 และ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,250 และ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ.
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรงทะลุระดับ 2,700$
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 0 | 0 | |
23 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 09:00 น. | (ครั้งที่ 1) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง