ทองร่วง! หลังเงินดอลลาร์แข็ง ในประเทศบาทอ่อนทองลงไม่มาก
โดยราคาทองคำนิวยอร์กปรับตัวลดลงแรงกว่า 20 ดอลลาร์ เนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างตลาดหุ้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น 228.67 จุุด หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นกว่า 6% ขานรับรายงานคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ จะปรับตัวลดลง 600,000 บาร์เรลต่อวัน ในปีนี้ และคาดว่าจะลดลงอีก 200,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า
นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจะส่งผลให้ทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้นมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจ
ส่วนในสัปดาห์นี้มีประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐหลายรายการที่คาดว่าจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำผ่านการแข็งหรืออ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ประกอบด้วย ตัวเลขเลขจีดีพีไตรมาส 4 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งที่ 2 ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% แต่เป็นการชะลอตัวลงจากประมาณการครั้งแรก ซึ่งส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จากเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงทำให้คาดว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ยังมี ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำผ่านการแข็งหรืออ่อนค่าของเงินดอลลาร์ รวมถึง ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ทั้งหมดเป็นข้อมูลประจำเดือนมกราคม
ทางด้านราคาทองในประเทศ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำในประเทศเคลื่อนไหวผันผวนช่วงต้นสัปดาห์ โดยราคาปรับลดลงไป 100 บาท ทั้งนี้ทองในประเทศมีแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินบาท ขณะที่เปิดตลาดทองในประเทศวันอังคารหลังหยุดยาว ทองร่วง 100 บาทและลดลงอีก 50 บาทในครั้งที่ 2 โดยมีเงินบาทที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าช่วยเป็นแรงสกัดการร่วงลงของทองในประเทศให้ลดลงได้ไม่มากเท่าทองคำต่างประเทศ
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,190-1,230 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นมีแนวต้านที่ 1,230 และ 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,200 และ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ถ้าหลุดแนวรับหลังจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวราคาน้ำมัน, ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง