ทองลงจากแรงขายทำกำไรและดอลลาร์แข็ง แนวโน้มปรับขึ้นต่อในกรอบแคบ
โดยราคาทองคำอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากราคาดีดตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ซึ่งภาพรวมราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยเมื่อคืนนี้(13 ส.ค.) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 13.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,320.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุเพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินเยน หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีกที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกรกฏาคม ปรากฏว่าเพิ่มขึ้น 0.2% เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ 0.3% อยู่เพียงเล็กน้อย สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ท่ามกลางการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตามสัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจาก นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ช่วงที่ผ่านมานั้น มีความผันผวนมากเกินกว่าที่จะสะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่า เฟดจะลดขนาด QE ในการประชุมเดือนกันยายนนี้
คืนวันนี้(14) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซนต์หลุยส์ มีกำหนดการแถลงมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแนวคิดในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อปกป้องภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งในคำแถลงจึงอาจเป็นปัจจัยลบกดดันให้ราคาทองอ่อนตัวลง
ส่วนแนวโน้มราคาทองคำ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด วิเคราะห์เอาไว้ว่า ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิค หลังจากเมื่อวานนี้ราคาทองอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา หากราคาทองไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณดังกล่าวได้ คาดว่าจะมีแรงขายออกมามาก ราคาอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่อไป อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของราคาทอง ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ ดังนั้นหากราคาทองอ่อนตัวลงยังสามารถกลับเข้าซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,340-1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์.
ส่วน บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ราคาทองคำแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ แต่มีการแกว่งขึ้นลงตามแนวรับแนวต้าน โดยทองคำยังเคลื่อนในกรอบจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก โดยราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,310-1,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นลักษณะการเคลื่อนตัวออกด้านข้าง(Sideways) และเป็นการแกว่งค่อนข้างมาก โดยที่ค่าเงินบาทเองกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แนะลงทุนในกรอบแคบ 1,310-1,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยทองคำยังไม่สามารถเบรกด้านใดด้านหนึ่งได้ ซึ่งอาจจะต้องอาศัยข่าวสำคัญมากกว่านี้..
ข้อมูลบทวิเคราะห์โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก, บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด
เรียบเรียงโดย : ทองคำราคา.com
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง