ทองเช้าวันพุธฟื้นเล็กน้อย ในประเทศเปิดตลาดขึ้นไม่มาก
โดย
เช้าวันพุธราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดตลาดทองคำปรับตัวลดลงเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากรายงานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทั้งตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งในรอบ 2 ปี และราคาบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี ในประเทศเปิดตลาดขึ้น 50 บาท
ตลาดทองคำได้รับแรงกดดัน หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ไตรมาส 3 โดยเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของยอดส่งออกและการใช้จ่ายผู้บริโภค ขณะที่ตัวเลขดัชนีราคาบ้านของสหรัฐเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2006
นอกจากนี้ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 107.1 ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 101.2 ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งประเด็นดังกล่าวนำมาซึ่งความกดดันต่อตลาดทองคำ
ส่วนรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในช่วงคืนวันนี้ จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศของ ADP ประจำเดือนพ.ย. โดยตัวเลขคาดการณ์จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าหากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ จะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำและการคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันศุกร์ว่าอาจจะออกมาสอดคล้องกัน
นอกจากนี้ยังมีรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ อย่างการรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต หรือ Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา โดยรายงาน Beige Book จะสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวดี จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวไม่มากจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
ทางด้านราคาทองในประเทศเปิดตลาดวันพุธราคาปรับขึ้น 50 บาท จากราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ ขณะที่เงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นจากเมื่อวาน อย่างไรก็ดีระดับของค่าเงินบาทขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่อ่อนค่า จึงยังส่งผลเป็นบวกต่อทิศทางราคาทองในประเทศ
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,180-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นราคาทองคำมีแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่มีแนวรับระหว่างวันที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับหลักที่ 1,170 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แรงเทขายฉุดทองคําร่วงหลังเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนคืบหน้า
ดอลลาร์อ่อน-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยยังเป็นปัจจัยหนุนต่อทองคำ
ดอลลาร์แข็งค่ากดดันทองคํา จับตาเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดอลลาร์อ่อนค่า-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลก-ไทยพุ่ง
ดอลลาร์อ่อนค่าหนุนทองคํา จับตามาตราการภาษีศุลกากรสหรัฐและจีน
ดอลลาร์แข็งค่าฉุดทองคําร่วงลง จับตาสถานการณ์ภาษีศุลกากรสหรัฐ
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําตลาดโลก-ในประเทศฟื้นตัวขึ้น
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,750.00 | 51,850.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,710.20 | 52,650.00 |
วันนี้ -250 | -50 | |
06 มิถุนายน 2568 | เวลา 16:47 น. | (ครั้งที่ 10) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง