ทองโลกพุ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังผิดหวังรายงานเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ในประเทศ 2 วันขึ้น 400 บาท
โดยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา หลังจากได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา(10-14 ก.พ.) ทั้งยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลดลง รวมทั้งจำนวนตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ก็เพิ่มขึ้น และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐนี้ได้สร้างความน่าสนใจให้แก่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเพิ่มกระแสคาดการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า มาตราการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ คงยังไม่สามารถยุติลงได้ในเร็วๆ นี้
อีกทั้งการพุ่งขึ้นของราคาทองคำส่วนหนึ่งนั้นมาจากแรงหนุนจากฝั่งเอเชีย ทั้งความต้องการซื้อที่แข็งแกร่งในตลาดสปอตของจีน และการคาดการณ์เกี่ยวกับการผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าทองคำของอินเดีย
ในขณะที่กองทุน SPDR Gold Trust กลับมาเป็นสถานะซื้อสุทธิได้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีทำการซื้อ-ขายเร็วมากขึ้น ซึ่งขณะนี้กองทุนถือครองทองคำรวมที่ระดับ 801.25 ตัน ส่วนในวันนี้เป็นวันหยุด President’s Day ของสหรัฐอเมริกา จึงไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจใดๆ ที่สำคัญ
เพราะฉนั้นภาพรวมของราคาทองคำในระยะนี้ยังคงเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนต่อเนื่อง ภาพรวมการที่ราคาทองคำดีดขึ้นมา มาจากภาวะที่ดอลลาร์อ่อนค่า เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมาไม่ดี ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งยุโรปออกมาดีขึ้น
ด้านราคาทองคำในประเทศ พบว่าขณะนี้ ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณ ราคาสามารถกลับมายืนเหนือระดับ 20,000 บาทได้แล้ว โดยเฉพาะการปรับขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วกว่า 450 บาท เฉพาะวันเสาร์วันเดียวขึ้น 250 บาท ต่อเนื่องวันนี้(จันทร์17 ก.พ.) พบว่าปรับขึ้นอีก 200 บาท จากทองคำตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นทะลุ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม ราคาทองในประเทศยังขาดแรงหนุนจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นระดับ 32.50 บาท ทำให้ทองคำในประเทศยังปรับขึ้นได้ไม่มากนัก ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทก็ยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง
ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิค บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนหน้าราคาทองดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองจะกลับขึ้นมาปิดใกล้แนวต้านบริเวณ 1,325-1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีแนวโน้มที่ราคาทองจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,355-1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ต่อไป ส่วนการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้น สามารถกลับเข้าซื้อเก็งกำไรจากแนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์.
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง