ทองโลกลดจากแรงขายหลังตลาดหุ้นพุ่ง ในประเทศบาทแข็งมากทองร่วงแรง
โดยราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องมาจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนหลังทองคำทะยายขึ้นก่อนหน้านี้ นอกจากนี้การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
นักลงทุนเทขายทำกำไรในทองคำหลังราคาปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 13 เดือน ที่ระดับ 1,282.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ทองคำยังถูกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าการคาดการณ์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าสินค้าลดลง 0.3% และราคาส่งออกลดลง 0.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์
ภาพรวมราคาทองในสัปดาห์นี้สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญทางเทคนิค 1,280 ดอลลาร์ต่อออนขึ้นไปได้ โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำเนื่องมาจากสกุุลเงินยูโรแข็งค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่ในช่วงแรกทองคำถูกกดดันจากการค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เมื่อผลการประชุมของ ECB มีมิติดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน(QE) เพิ่มเติมโดยผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.0% จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.4% จากเดิม -0.3%รวมทั้งมาตรการเพิ่มวงเงินซื้อคืนพันธบัตรเท่ากับ 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังปัจจัยมีหนุนต่อราคาทองคำตลอดทั้งสัปดาห์จากกองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำรายใหญ่ของโลก ได้เดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องซึ่่งล่าสุดเมื่อวานนี้ กองทุน SPDR ได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มเติมอีก 5.95 ตัน
ทางด้านราคาทองในประเทศ เมื่อวานนี้เคลื่อนไหวผันผวนตลอดทั้งวันรวม 11 ครั้งโดยเป็นการปรับขึ้น 4 ครั้ง และปรับลดลง 7 ครั้ง โดยสรุปราคาตอนปิดตลาดพบว่าเพิ่มขึ้น 200 บาท ขณะที่เปิดตลาดทองในประเทศเช้าวันเสาร์ ทองร่วงพรวดเดียว 300 บาท โดยเป็นผลมาจากทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลง ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทแตะที่ระดับ 35.08 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่่สุดในรอบ 5 เดือน และส่งผลเป็นแรงกดดันสำคัญให้ราคาทองในประเทศปรับตัวลดลงปริมาณมาก
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าว่า แนวโน้มราคาทองคำทางเทคนิคเป็น Sideway up แต่อาจเกิดการปรับฐานในระยะสั้นขึ้นได้เช่นกันคาดว่าราคาทองคำมีการแกว่งตัวในกรอบ 1,240-1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์มีแนวรับระยะสั้นที่1,240-1250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขณะที่มีแนวต้านระยะสั้นที่1,282-1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวราคาน้ำมัน, ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง