ทองได้แรงหนุนเฟดคงดอกเบี้ย ในประเทศแนวโน้มบาทแข็งผลลบต่อทอง
โดย
ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นปริมาณมาก หลังจากนักลงทุนในตลาดขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม รวมถึงการที่เฟดลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงเหลือเพียง 2 ครั้ง จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ไว้ที่ 4 ครั้ง
เมื่อวานนี้ราคาทองคำทะยานตัวขึ้นกว่า 35 ดอลลาร์ และเคลื่อนไหวใกล้แนวต้านบริเวณ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากนักลงทุนในตลาดขานรับเฟดมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
โดยตลาดทองคำนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-1 ในการประชุมที่เสร็จสิ้นไปเมื่อช่วงดึกคืนวานนี้ ตามเวลาไทย โดยที่ประชุมเฟดให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังได้มีการปรับลดคาดการณ์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 4 ครั้ง โดยการลดคาดการณ์จำนวนครั้งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ บ่งชี้ว่าเฟดมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการขยายตัวที่อ่อนแอในต่างประเทศ และตลาดการเงินที่ผันผวน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกต่อทองคำจากรายงานของ กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำรายใหญ่ของโลก หลังจากที่กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันและมีปริมาณสูงถึง 11.89 ตัน
ส่วนรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนวันนี้ จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งตลาดคาดว่าตัวเลขจะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้จะมีคำแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์คและประธานเฟดสาขาบอสตัน ซึ่งถ้ามีการแสดงความคิดเห็นว่าเฟดไม่ควรรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะช่วยหนุนราคาทองคำได้
ทางด้านราคาทองคำในประเทศ เมื่อวานนี้เคลื่อนไหวรวม 4 ครั้งซึ่งเป็นการปรับขึ้นทั้ง 4 ครั้งรวม 350 บาท ขณะที่เปิดตลาดเช้าวันศุกร์ ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ ซึ่งจะสังเกตุเห็นว่า ขณะนี้ทองคำตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นปริมาณมาก แต่กลับพบว่า ราคาทองในประเทศปรับขึ้นได้ไม่มากเท่าตลาดโลก เนื่องมาจากการแข็งค่าของเงินบาทที่ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 34.88 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองในประเทศ
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,270 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าผ่านแนวต้าน 1,270 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่เป็นจุดสูงสุดของราคาทองคำที่ทำไว้ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่ระยะสั้นราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,250 และ 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
ทองคําถูกเทขายหลังเมื่อวานเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อ-ดอลลาร์อ่อนค่า
มูดี้ส์ลดอันดับเครดิตสหรัฐ หนุนแรงซื้อทองคําปรับตัวเพิ่มขึ้น
คลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีนฉุดแรงเทขายทองคําร่วงต่อเนื่อง
ดอลลาร์อ่อน-กังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐหนุนแรงซื้อทองคําพุ่ง
คืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐและคู่ค้า ฉุดแรงเทขายทองคําร่วงหนัก
แรงซื้อเก็งกำไร-เงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาดเป็นปัจจัยหนุนทองคํา
แรงเทขายฉุดทองคําร่วงหนักหลังสหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงทางการค้า
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 50,550.00 | 50,650.00 |
ทองรูปพรรณ | 49,633.84 | 51,450.00 |
วันนี้ -50 | 50 | |
20 พฤษภาคม 2568 | เวลา 16:01 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง