บาทแข็งใกล้แตะ 28 บาท ต่างชาติกลัว ธปท.สกัดเงินร้อนขายหุ้นหนี
โดยนายกรัฐมนตรี เรียก ครม.เศรษฐกิจ ธปท.และ สศช.ถกด่วน หารือเงินบาทแข็งใกล้แตะ 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ “กิตติรัตน์” ยันรัฐไม่มีมาตรการสกัดเงินร้อนฝืนธรรมชาติ นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยวันเดียว 3,000 ล้านบาทหวั่น ธปท.ใช้กฎเหล็กคุมเงินไหลเข้า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วานนี้ (20 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยหารือเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท หลังจากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า ธปท.ได้รายงานต่อที่ประชุมมีเงินทุนระยะสั้นไหลเข้ามาในตลาดการเงิน อย่างไร ก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้ออกมาตรการใดมาเป็นพิเศษ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปไตร่ตรองทบทวนนโยบายต่างๆ ภายใต้หลักการ 3 ประการคือ
1.ดูแลปัจจัยเศรษฐกิจต่างๆให้เกิดเสถียรภาพ ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย การไหลเวียนของเงินฝาก เงินกู้ 2.การดูแลผู้มีรายได้น้อยให้มีโอกาสรายได้เพิ่มขึ้น และ 3.การปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ เพื่อป้องกันระบบเศรษฐกิจ เพราะหากดำเนินการทั้ง 3 ส่วนนี้ได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้โดยธรรมชาติ ไม่ต้องมีมาตรการใดไปกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวที่เป็นชั่วครั้งชั่วคราวหรือเป็นพิเศษอะไร ขณะที่การไปออกมาตรการผิดธรรมชาติ เช่น การทำให้ดอกเบี้ยต่ำหรือสูงเกินไปเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
“รัฐบาลยืนยันไม่มีมาตรการที่ฝืนธรรมชาติ แต่มาตรการตามสิทธิหน้าที่ เช่น นโยบายการคลัง แผนการลงทุน แนวทางกำหนดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะไม่ฝืนธรรมชาติ เพราะเป็นองค์คณะไม่มีใครแทรกแซงได้ แต่การนำแง่มุมทำงานที่แตกต่างกันมาเสนอแนะต่อกัน การแสดงความคิดเห็นทำได้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ”
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาที่ระดับ 29.13-29.14 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการเคลื่อนไหวปรับแข็งค่ามากและรวดเร็วไป แต่การแข็งค่าที่เร็วขึ้นนั้น ไม่น่าเป็นผลจากปัจจัยเงินทุนต่างชาติไหลเข้าที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มากเป็นพิเศษ เพราะถ้าดูจากตลาดหุ้นก็ไม่ได้ขึ้นเพราะต่างชาติซื้อ แต่หุ้นขึ้นเพราะนักลงทุนในประเทศ
ส่วนตลาดพันธบัตรแม้จะมีเงินทุนไหลเข้ามามากกว่าตลาดหุ้น แต่สัดส่วนการเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรของไทยก็ไม่ได้มากจนผิดปกติ เพราะเดิมสัดส่วนต่างชาติถือในพันธบัตรไทย 5-6% แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 13-15% ก็ไม่ถือว่าผิดปกติ เพราะต่างชาติถือพันธบัตรของอินโดนีเซียในสัดส่วน 40% และมาเลเซีย 30%
“พูดถึงปริมาณเงินทุนไหลเข้าไทย ก็ไม่ได้มากกว่าช่วงก่อนนี้ แต่ว่า 2 วันนี้ การเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนก็ค่อนข้างจะรวดเร็วไปสักนิดแต่ไม่ได้รุนแรง เพราะเราต้องดูระหว่างเงินทุนไหลเข้ากับราคาคือบางทีเงินทุนที่เข้าจำนวนไม่ได้มากผิดปกติ แต่ถ้าคนที่เขาจะขายหรือซื้อตราสารหนี้ของไทย เขาอยากไปที่อัตราแลกเปลี่ยนหนึ่งเขาก็ซื้อขายกันที่ราคาหนึ่ง เพราะที่เราเห็นคือราคา ราคามันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่ได้เป็นผลจากเงินทุนไหลเข้ามาเพิ่มรุนแรง”
ส่วนการลงทุนในตราสารระยะสั้นต่ำกว่า 1 ปี ของนักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าเพิ่มขึ้นโดยมียอดคงค้างเพิ่มเป็น 810,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบหลายปี แต่ปริมาณนี้ไม่ได้มากผิดปกติ เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดพันธบัตรไทยโดยรวมที่มีมูลค่าถึง4-5 ล้านล้านบาท และเมื่อดูสัดส่วนการถือลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในพันธบัตรไทยแล้วก็ไม่ได้มากผิดปกติอยู่ที่ 13-15% ต่ำกว่าสัดส่วนต่างชาติที่ถือลงทุนในตลาดพันธบัตรมาเลเซียที่ 30% และอินโดนีเซีย 40%
“ต่างชาติเลือกลงทุนพันธบัตรไทยเพิ่ม เพราะประเทศเพื่อนบ้านมีความไม่แน่นอน มาเลเซียจะมีการเลือกตั้งและโพลออกมาว่า ฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมมากกว่า อินโดนีเซียขาดทุนบัญชีเดิน สะพัดและสิงคโปร์ก็ขาดดุลการค้า”
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า กระแสข่าว หรือความกังวลว่าจะมีมาตรการสกัดกั้นหรือควบคุมเงินทุนไหลเข้า ทางการไม่ควรไปแตะตลาดหุ้น เพราะแค่มีกระแสก็เห็นปฏิกิริยาจากตลาดหุ้นชัดเจน แต่หากจะทำก็ไปคุมที่ตลาดพันธบัตรที่เงินไหลเข้ามาลงทุนเป็นแสนล้านบาท ไม่ควรทำอะไรรุนแรง โดยวานนี้ (พุธที่20 มี.ค.56) ดันชีตลาดหุ้นไทยลงไปต่ำสุด 1,534.27 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ 1.57% โดยมูลค่าการซื้อขายรวม 83,656.86 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 3,203.58 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายว่า วานนี้ (พุธที่ 20 มี.ค.56) ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 29.16-29.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่แข็งค่าตลอดทั้งวัน และปิดตลาดที่ระดับ 29.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้แตะ 28 บาทแล้ว โดยนักค้าเงินคาดว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ได้เข้าแทรกแซงเงินบาทตั้งแต่ 29.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรักษาราคาให้เงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจต้านกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องได้.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรงทะลุระดับ 2,700$
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 0 | 0 | |
23 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 09:00 น. | (ครั้งที่ 1) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ