ปิดตลาดหุ้นไทย(ศุกร์ที่ 3พ.ค. 56)ก่อนหยุดยาว ลบ 10.24 จุด
โดยปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประจำวันศุกร์สุดสัปดาห์ก่อนหยุดยาว 3 วันที่ 3 พ.ค.2556 ที่ระดับ 1,578.95 จุด ลดลง 10.24 จุด คิดเป็นลดลง 0.64% รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 43,910.49 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 207 หลักทรัพย์ ลดลง 443 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 121 หลักทรัพย์
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ
1.JAS บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 7.90 -0.50 (-5.95%)
2.CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 41.50 ไม่เปลี่ยนแปลง
3.BTS บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 8.55 -0.30 (-3.39%)
4.INTUCH บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 85.25 -1.25 (-1.45%)
5.DEMCO บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 17.10 -0.20 (-1.16%)
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้ ตลาดเกิดการ take profit ตลอดทั้งวัน โดยวันนี้ขยับขึ้นไปทดสอบที่บริเวณ 1,600 จุด แต่ในที่สุดก็ไม่ผ่าน โดยมี 2 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยติดลบ คือ
1.นักลงทุนต่างมีความกังวลเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้องการยื่นตีความแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นในระต่อไปหรือไม่
2.จากการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางต่อสถานะของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ จากสองประเด็นดังกล่าวได้ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน และประกอบกับเป็นช่วงใกล้วันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน จึงทำให้วันนี้ดัชนีปรับตัวค่อนข้างผันผวน ซึ่งในช่วงบ่ายที่ผ่านมานักลงทุนต่างก็รอปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้มีทิศทางที่ดีขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดว่า ดัชนีฯ จะแกว่งตัวและมีโอกาสปรับลดลงได้ เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดฯ อยู่ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการยื่น พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เข้าสู่สภาในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามคือการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนเม.ย. เป็นต้น
แนะนำทยอยขาย หากดัชนีปรับขึ้นไปแตะระดับ 1,600 จุด และควรซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยเลือกหุ้นที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/2556 จะออกมาดี โดยประเมินแนวรับที่ 1,575 จุด และแนวต้านที่ 1,600 จุด
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์, settrade.com, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,100.00 | 44,200.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,312.12 | 44,700.00 |
วันนี้ 500 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 11:51 น. | (ครั้งที่ 9) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ