มติกนง. 5 ต่อ 1 เสียง คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.75%
โดยกนง.ตรึง อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.75%ต่ออีกรอบ ระบุเศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ขณะที่หากไม่ระมัดระวังให้ดี โอกาสที่เสถียรภาพทางการเงินมีปัญหา และเกิดภาวะฟองสบู่ในอนาคตได้
เมื่อวันพุธที่ 3 เม.ย.2556 นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมกนง. วันนี้ (พุธที่3 เม.ย.56) ว่า กนง.มีมติ 5 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75 % ต่อปีเท่าเดิม โดยกรรมการ 1 ท่านเห็นสมควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % ต่อปี โดยคณะกรรมการท่านดังกล่าว เห็นว่าความเสี่ยงของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงมีสูงและเศรษฐกิจใน ประเทศมีแนวโน้มที่อาจจะชะลอตัว ทำให้เห็นความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และในการประชุมครั้งนี้ กรรมการ 1 ท่าน ติดภารกิจในต่างประเทศจึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมขณะที่คณะกรรมการฯที่เหลือ อีก 5 ท่าน มองว่า ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย แต่แรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นได้ จากข้อจำกัดด้านอุปทานและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังจำเป็นต้องติดตามปัจจัยด้านเสถียรภาพการเงินที่มีแนวโน้มที่อาจจะเกิด ภาวะฟองสบู่ได้ในอนาคต หากไม่ระมัดระวังมากเพียงพออย่างใกล้ชิด โดยมองว่า ภาวะการผ่อนคลายทางการเงินที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันเป็นภาวะที่เหมาะสม และเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
“ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านเสถียรภาพการเงิน ที่ธปท.ติดตามอยู่ในขณะนี้ คือ ภาวะการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน ซึ่งในขณะนี้ยอดการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคและบริโภคยังขยายตัวอยู่ในระดับสูง และไม่มีทิศทางที่ชะลอตัวลง ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง และราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นร้อนแรงในบางพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของระดับราคาที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นไทย ซึ่งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเช่นในปัจจุบัน เอื้อในประชาชนนำเงินฝากออกมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาสินทรัพย์ในบางภาคอาจจะเพิ่มขึ้นเกินกว่าความเป็น จริงได้ ทำให้ธปท.ยังคงระมัดระวังการเกิดฟองสบู่ในอนาคต”
ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป โดยมองว่า เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้างนับจากการประชุมครั้งก่อนจากวิกฤตเศรษฐกิจการ เงินในกลุ่มประเทศยูโร เช่น วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไซปรัส ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจยูโรหดตัวมากกว่าที่คาดไว้เดิม ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แต่ปัญหาทางการคลังยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ถ่วงการขยายตัวในระยะต่อไป ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลัง สำหรับเศรษฐกิจไทย คาดว่าในระยะต่อไปการใช้จ่ายในประเทศจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ภาคครัวเรือนและการจ้างงานที่อยู่ในระดับสูง ภาวะการเงิน และสินเชื่อที่ผ่อนคลาย และแรงกระตุ้นทางการคลังที่จะทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำและโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้น ฐานขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเริ่มในช่วงกลางปีถึงปลายปี และมีผลกระตุ้นการลงทุนต่อเนื่องของภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นช้าๆ ตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท กล่าวต่อว่า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท และเงินทุนที่เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว เป็นอีกประเด็นที่ กนง.ให้ความสำคัญ แต่อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของการดำเนินนโยบายการเงิน และในการปรับขึ้นประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ซึ่งจะเผยแพร่ในวันที่ 12 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ธปท.ได้นำปัจจัยการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท และแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นในช่วงต่อไป เข้าไปเป็นปัจจัยในการประมาณการเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งพบว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและการส่งออกยังมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นได้ และเท่าที่ติดตามสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2551-2552 ซึ่งเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง ซึ่งในขณะนั้นค่าเงินบาทอ่อนค่า แต่การส่งออกของไทยในช่วงนั้นกลับชะลอตัวลง ดังนั้น ผลกระทบต่อการส่งออกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจึงมากกว่าค่าเงิน อย่างเห็นได้ชัด
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรงทะลุระดับ 2,700$
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 0 | 0 | |
23 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 09:00 น. | (ครั้งที่ 1) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวเศรษฐกิจ