สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง โกลด์ฟิวเจอร์ส และแนวโน้มพรุ่งนี้ โดย YLG
โดยสภาวะตลาดประจำวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,410.25-1,417.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM13 อยู่ที่ 20,570 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 160 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,410 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM13 อยู่ที่ 700 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 700 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.34 น.ของวันที่ 07/06/13)
แนวโน้มวันพรุ่งนี้(เสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2556)
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดวงเงินโครงการ QE ลงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดจะลดวงเงินซื้อพันธบัตรเหลือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงการลดวงเงินครั้งแรก กระแสการคาดการณ์ในเรื่องท่าทีของเฟดนั้นได้ส่งผลทำให้เกิดกระแสความกังวลของนักลงทุนในตลาดทองคำ และอาจจะส่งผลให้ราคาตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นหลังจากอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอีซีบีมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจยูโรโซนให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ยังได้หารือถึงทางเลือกด้านนโยบายอื่นๆ ที่อาจจะนำมาใช้ได้ หากเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะถดถอยในปีนี้ ทั้งนี้ ประธานอีซีบียืนยันว่ายังคงใช้การผ่อนคลายนโยบายการเงิน ตราบเท่าที่เห็นว่าจำเป็น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้สกุลเงินยูโรและราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้วายแอลจีแนะนำให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก สำหรับวันนี้วายแอลจี ประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นโดยราคาทองคำมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,423 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการจับตาความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับนักลงทุนในประเทศ เพราะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนทำกำไรในตลาดทองคำในประเทศได้ค่อนข้างยาก โดยการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นผลักดันการขยับขึ้นของราคาทองคำในประเทศค่อนข้างมาก
กลยุทธ์การลงทุน
ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวขยับขึ้นและ ยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านต่อไปที่ 1,423 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไปที่ 1,432 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,395 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,383 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,395 (20,220บาท) 1,383 (20,040บาท) 1,370 (19,850บาท)
แนวต้าน 1,423 (20,630บาท) 1,432 (20,760บาท) 1,443 (20,920บาท)
GOLD FUTURES (GFM13)
แนวรับ 1,395 (20,360บาท) 1,383 (20,190บาท) 1,370 (19,990บาท)
แนวต้าน 1,423 (20,770บาท) 1,432 (20,900บาท) 1,443 (21,060บาท)
SILVER FUTURES (SVM13)
แนวรับ 22.05 (683บาท) 21.75 (674บาท) 21.40 (663บาท)
แนวต้าน 23.15 (717บาท) 23.50 (728บาท) 23.80 (737บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส
โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือ www.ylgbullion.com
วิเคราะห์โดย : YLG(วายแอลจี)
ที่มาโดย : ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,050.00 | 44,150.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,251.48 | 44,650.00 |
วันนี้ 450 | -50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 15:13 น. | (ครั้งที่ 12) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง