หุ้นไทยครึ่งวันเช้า(ศุกร์ที่3พ.ค.56) ลบ 0.21 จุด กังวลคลังขัดแย้ง ธปท.
โดยบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยเช้านี้(ศุกร์ที่ 3พ.ค.56) ดัชนีเปิดการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.41 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการซื้อขายมีการขายทำกำไรต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีผันผวนสลับทั้งแดนบวกและลบ ก่อนปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 1,588.98 จุด ลดลง 0.21 จุด คิดเป็นอัตราลดลง 0.01% ดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,598.93 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,584.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 21,229.34 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 245 หลักทรัพย์ ลดลง 285 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 178 หลักทรัพย์
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ
1.DEMCO บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 17.60 บาท +0.30 (+1.73%)
2.CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 41.75 บาท +0.25 (+0.60%)
3.JAS บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 8.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
4.INTUCH บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 86.00 -0.50 (-0.58%)
5.CK บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 26.75 +0.25 (+0.94%)
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดฯ ในวันนี้ปรับตัวค่อนข้างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกทั้งตลาดรอบบ้านมีกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ไม่ชัดเจน ประกอบกับอยู่ในช่วงใกล้วันหยุดยาวด้วย จึงส่งผลให้นักลงทุนไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนและเป็นสาเหตุให้ดัชนีตลาดในวันนี้ค่อนข้างผันผวน
ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.50% จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เช้าวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปิดบวกขึ้นเล็กน้อย แต่เนื่องจากมีแรงกดดันในประเทศ จึงส่งผลให้หุ้นไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้มากนัก
ด้านคำแนะนำในการลงทุน ช่วงนี้ไม่ควรเพิ่มน้ำหนักในการลงทุน เนื่องจากดัชนีตลาดในช่วงนี้ยังไม่นิ่งและปรับตัวอยู่ในแดนบวก-ลบสลับกันมาโดยตลอด หากต้องการลงทุน ควรเทรดดิ้งระยะสั้นเป็นรายวัน และเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมากกว่า โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,580 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,595 จุด.
ส่วนนักวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินว่า ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบและอ่อนตัวลงในรอบบ่าย เนื่องจากเป็นการหยุดยาว 3 วัน ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นในเดือนพ.ค. มองว่า จะมีความผันผวนค่อนข้างมาก จึงแนะนำลงทุนในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก และประเมินแนวรับสำหรับการเก็งกำไรที่ 1,560 – 1,580 จุด
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ดอลลาร์แข็งค่า-พันธบัตรสหรัฐพุ่ง ฉุดทองคำโลกทองไทยร่วงลงหนัก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 43,600.00 | 43,700.00 |
ทองรูปพรรณ | 42,811.84 | 44,200.00 |
วันนี้ 600 | 50 | |
21 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 15:38 น. | (ครั้งที่ 7) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ