หุ้นไทยต้นเดือนพฤษภา(พฤหัสฯที่2พ.ค.56) ปิดลบ 8.67 จุด หลังข่าวลือปลดผู้ว่าฯธปท.
โดยบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นต้นเดือนพฤษภาคม วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556 ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่างวันมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา หลังจากที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นชนแนวต้านสำคัญที่ 1,600 จุดขณะที่ช่วงบ่ายมีข่าวลือปลดผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามากดดันดัชนีทำให้ปิดการซื้อขายในแดนลบ โดยปิดตลาดที่ระดับ 1,589.19 จุด ลดลง 8.67 จุด คิดเป็นลดลง 0.54% รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 56,862.08 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 249 หลักทรัพย์ ลดลง 423 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 126 หลักทรัพย์
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ
1.CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 41.50 -2.50 (-5.68%)
2.INTUCH บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 86.50 +0.25 (+0.29%)
3.PTT บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 327.00 +1.00 (+0.31%)
4.ADVANC บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 267.00 -3.00 (-1.11%)
5.JAS บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 8.40 +0.15 (+1.82%)
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีวันพรุ่งนี้(ศุกร์ที่ 3พ.ค. 56) คาดว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบจำกัด และไม่น่าจะปรับตัวขึ้นไปทะลุ 1,600 จุดได้ เนื่องจากยังคงมีแรงขายเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นไปแตะแนวต้านสำคัญที่ 1,600 จุดอยู่ ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนดัชนีให้ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยแนะนำซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว ในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร และบริษัทหลักทรัพย์ ประเมินแนวรับที่ 1,580 จุด และประเมินแนวที่ 1,605 จุด
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส กล่าวว่า ในช่วงบ่ายดัชนีฯ แกว่งตัวในแดนลบ โดยขยับขึ้น แตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,603.01 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,588.04 จุด ซึ่งไม่น่าเป็นกังวลแต่อย่างใด และเป็นเพียงแค่ตลาดเกิดการ take profit เท่านั้น เนื่องจากมีนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า วันนี้อาจจะมีปัจจัยต่างๆ เข้ามาทำให้ตลาดสามารถปรับบวกขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี
ทั้งนี้ ควรติดตามในประเด็น ความชัดเจนของมาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังจะออกมา ว่าจะไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ หากทางเฟดมีมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยออกมาจริงๆ ก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, settrade.com
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,050.00 | 44,150.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,251.48 | 44,650.00 |
วันนี้ 450 | -50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 12:34 น. | (ครั้งที่ 10) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ