ฮั่วเซ่งเฮง คาด รายงานการประชุมเฟด อาจกดดันราคาทองคำสัปดาห์หน้า(20-24พ.ค.56)
โดยสัปดาห์นี้(จันทร์ที่ 13-ศุกร์ที่17 พฤษภาคม 2556) ราคาทองปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันจนทำให้ราคาทองหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิค บริเวณ 1,420 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ลงไป ต่ำกว่า 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว…
โดยเป็นผลจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยุติมาตรการ QE ผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ออกมาดี ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น และมีแรงเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ต่างเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ ดัชนีดาวโจนส์สามารถทะลุ 15,000 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนดัชนีนิกเกอิทะลุ 15,000 จุดในสัปดาห์นี้
ขณะที่เม็ดเงินยังไหลออกจากกองทุนอีทีเอฟทองคำ ในปีนี้กองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำออกมาแล้ว 303.7 ตัน นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาดี ยอดค้าปลีกเดือน เม.ย.56 ขยายตัว 0.1% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 0.3% ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปออกมาย่ำแย่ โดยจีดีพีไตรมาส 1 ปี 2556 ของกลุ่มสหภาพยุโรปออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้และหดตัวลง 0.2% จากที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัวลง 0.1% แสดงถึงเศรษฐกิจของยูโรโซนยังอยู่ในภาวะถดถอย ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงและกดดันต่อราคาทองคำ
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้า(จันทร์ที่ 20-ศุกร์ที่24 พฤษภาคม 2556)จะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ คาดว่าจะเป็นปัจจัยลบที่ทำให้ราคาทองมีโอกาสปรับฐานลงอีกรอบ ซึ่งการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีนี้ 2 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ราคาทองปรับตัวลงค่อนข้างแรง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ บางราย มีความเห็นว่าควรจะยุติมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สำหรับการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า คาดว่าไม่น่าจะมีการออกมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่นคงตอกย้ำเป้าหมายที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อถึงระดับ 2% ภายในระยะเวลา 2 ปี ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยุโรปและจีน ที่จะประกาศออกมา คาดมีผลต่อราคาทอง โดยเฉพาะดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ที่ประกาศโดย HSBC ถ้าออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จะส่งผลลบต่อราคาทอง แต่ถ้าตรงกันข้ามออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะส่งผลบวกต่อราคาทอง เนื่องจากจีนเป็นประเทศบริโภคทองคำรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ทางด้านเทคนิคในกรณีที่ราคาทองสามารถฟื้นตัวขึ้นไปปิดเหนือแนวต้าน 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และจะส่งผลให้ภาพการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าของราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1,420 และ 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ แต่กรณีที่ราคาทองถูกแรงเทขายและปรับตัวลงต่ำกว่า 1,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะส่งผลให้ราคาทองปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,350 และ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ.
ทีมา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ดอลลาร์แข็งค่า-พันธบัตรสหรัฐพุ่ง ฉุดทองคำโลกทองไทยร่วงลงหนัก
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 43,600.00 | 43,700.00 |
ทองรูปพรรณ | 42,811.84 | 44,200.00 |
วันนี้ 600 | 50 | |
21 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 15:38 น. | (ครั้งที่ 7) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง