เช้านี้ทองลงเล็กน้อย หลังพุ่งสูงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เช้านี้ในประเทศบาทแข็งทองคงที่
โดย
เช้านี้ราคาทองคำปรับลดลง หลังจากพุ่งทะยานเหนือระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ได้ส่งสัญญานว่า จะไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอย่างน้อยที่สุดในการประชุมเดือนหน้า(เมษายน) จะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน
โดยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 2.5% หลังจากร่วงลงก่อนหน้านั้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์ โดยปัจจัยบวกต่อทองคำมาจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากคำแถลงการณ์หลังการประชุมเฟดในวันพุธ(18 มี.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งในถ้อยคำแถลงการณ์นั้น เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยแม้เฟดได้ยกเลิกการใช้คำว่า “อดทน” ในการพิจารณากำหนดเวลาสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีการคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงราวเดือนกันยายน หรือไม่ก็เดือนตุลาคม ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราวช่วงเดือนมถุนายน หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกิดคาด
ส่วนรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของทองคำในสัปาดาห์นี้ มาจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐ ซึ่งเป็นประมาณการครั้งที่ 2 รวมถึง ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ และดัชนี PMI ภาคการผลิต ส่วนฝั่งยุโรปมีประเด็นการเจรจาหนี้ของกรีซต่อยูโรโซน ซึ่งกรีซจะเสนอมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจทั้งหมดเพื่อให้มีการอนุมัติเงินช่วยเหลือ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในที่สุดแล้ว กรีซ น่าจะได้รับการอนุมัติเงินช่วยเหลือ
ทางด้านราคาทองคำในประเทศ สัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำในประเทศค่อนข้างผันผวนตามปัจจัยทองคำตลาดโลก โดยต้นสัปดาห์ทองคำยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำ และช่วงปลายสัปดาห์หลังการประชุมเฟดสิ้นสุดลง ทองคำในประเทศ ทะยานขึ้นตามการพุ่งขึ้นของทองคำตลาดโลก ซึ่งทั้งสัปดาห์พบว่า ทองคำปรับขึ้น 200 บาท ขณะที่ค่าเงินบาทพบการแข็งค่าขึ้นหลังจากที่อ่อนค่าลงใกล้ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ก่อนหน้านี้
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในทางเทคนิคมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ หลังจากที่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ประกอบกับในช่วงนี้นักลงทุนลดความกังวลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าทองคำมีแนวต้านที่ระดับ 1,190 และ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ขณะที่มีแนวรับของทองคำอยู่ที่ระดับ 1,175 และ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ทั้งนี้กรณีที่ราคาทองคำผ่านแนวต้านที่ 1,200 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,210 และ 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
| 96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
|---|---|---|
| ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
| ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
| วันนี้ 550 | 50 | |
| 22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง