แนวโน้มราคาทองคำทรงตัวในระดับสูง ค่าเงินบาทอ่อน หนุนทองในประเทศขึ้น
โดยราคาทองคำต่างประเทศปิดตลาดเมื่อวานนี้(22) ปรับตัวเพิ่มขึ้่นเล็กน้อย ภาพการเคลื่อนไหวยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยสัญญาทองคำนิวยอร์คตลาด COMEX ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,370.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.70 ดอลลาร์
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตในเบื้องต้นของสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยปรับตัวขึ้นมาแตะที่ 53.9 ในเดือนส.ค. ซึ่งค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมในภาคการผลิต
นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับตัวเลขต่ำสุดในรอบ 6 ปี และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการจ้างงานได้ปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเบื้องต้นในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 50.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 นี้บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะช่วยหนุนความต้องการทองคำให้ปรับตัวขึ้นด้วย
กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำ 913.52 ตัน
ส่วนวันนี้มีข้อมูลเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคือ รายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม รวมทั้งคำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ ในมุมมองต่อการใช้นโยบายเศรษฐกิจ ในการประชุมเจ้าหน้าที่เฟดทั่วโลกสุดสัปดาห์นี้
ด้านราคาทองคำในประเทศ อานิสงฆ์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องหนุนให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้เปิดตลาดวันนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากปิดตลาดเมื่อวาน แต่แนวโน้มค่าเงินบาทยังอ่อนตัวต่อเนื่อง
ด้านแนวโน้มราคาทองคำในวันนี้ และระยะสั้น บริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวเอาไว้ว่า ภาพการเคลื่อนไหวยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ หลังจากวานนี้(22) ดีดตัวขึ้นจากแนวรับบริเวณ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรกลับออกมาจนราคาลดช่วงการบวกลง หากราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไปได้ คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามามากและราคาทองคำก็จะกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ต่อไป และกรณีที่ราคากลับอ่อนตัวลงที่แนวรับบริเวณ 1,350 และ 1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังเป็นระดับที่น่าสนใจกลับเข้าซื้อเก็งกำไร
ข้อมูลการวิเคราะห์โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด
เรียบเรียงโดย : ทองคำราคา.com
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง
หลังจาก 23 สค.56 ทองแท่งมีโอกาสขึ้นอีกหรือไม่
ถ้าขึ้นจะขึ้นไปถึงประมาณเท่าใด
และถ้าลงจะลงจนถึงประมาณเท่าใด
มีโอกาสขึ้นอีกได้ครับ บางคนอาจจะคาดการณ์ว่า อาจจะถึง 22,000 บาทนะครับ แต่เป็นเพียงแค่คาดการณ์เท่านั้น โอกาสลงก็มีครับแต่บอกไม่ได้ว่าจะขึ้นหรือลงเมื่อไหรแน่นอน ประเมินกันวันต่อวัน ชัวร์กว่าครับ เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวนมาก ถ้าติดตามข่าวจะไม่ตกขบวนแน่นอนครับ ถ้าเป็นเมืองไทย ติดตามค่าเงินครับ ถ้ายังอ่อนค่าอย่างนี้ อีก ทองยังขึ้นได้ต่อครับ และแนะนำติดตามข่าว ปรับลดมาตราการ QE ของเฟด ด้วยครับ มาตราการนี้ สั่นสะเทือนไปทั่วโลกทั้ง ตลาดทุน ตลาดเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ ครับ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็ตามสถานะการณ์ครับ แต่นะนำให้อ่านข่าวทุกวันครับ