แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นปรับขึ้นต่อ มาตราการ QE ยังเป็นปัจจัยลบ
โดยราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์(12) ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เกือบ 2% หลังจากที่ราคาทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนถึง 1.80 ตัน ประกอบกับมีแรงหนุนจากตัวเลขสมาคมทองจีน(CGA) ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้(56) จีนใช้ทอง 706.36 ตัน พุ่งขึ้น 54% จากช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว(55) โดยมีการคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถขึ้นสู่การเป็นผู้บริโภคทองคำอันดับหนึ่งแทนอินเดียได้ในปีนี้
อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนของการปรับชะลอวงเงิน QE ของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นปัจจัยลบหลักต่อราคาทองคำ โดยต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาดบ้านและตลาดการจ้างงานเพื่อหาสัญญาณการฟื้นตัวว่าแข็งแกร่งพอที่ FED จะเริ่มปรับชะลอ QE ภายในกันยายนปีนี้ ตามคำแถลงของประธาน FED หลายท่านที่ผ่านมาหรือไม่
ด้านบทวิเคราะห์ แนวโน้มของราคาทองคำ นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้(13-17 ส.ค.56) ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำสัปดาห์นี้ หลักๆ ยังคงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจกดดันให้ราคาทองคำปรับลดลง
โดยประเมินแนวโน้มราคาทองคำสิ้นปีนี้อาจลดลง จากแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจทอนมาตรการ QE ซึ่งจะทำให้เกิดแรงเทขายทองคำจากกลุ่มดังกล่าว กดดันราคาทองให้ปรับลดลง
โดยนักลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ต้องระมัดระวังการลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้ เพราะมีโอกาสที่ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบระดับ 1,345 เหรียญต่อออนซ์ ในช่วง 1-2 วันหลังเปิดการซื้อขายในวันที่ 13 ส.ค. 56 หากทะลุไปได้อาจทดสอบระดับ 1,380 เหรียญต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่ผ่านราคาทองคำอาจปรับลดลงไปทดสอบที่ระดับ 1,300 เหรียญต่อออนซ์ อีกครั้ง โดยประเมินกรอบแนวรับราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,310 เหรียญต่อออนซ์ แนวต้าน 1,345 เหรียญต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศ กรอบแนวรับอยู่ที่บาทละ 19,400 บาท แนวต้านที่ 19,700 บาท.
ด้าน นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นเชื่อว่ายังคงเป็นการปรับตัวขึ้นตามการทำ Technical Rebound หลังผ่าน 1,325 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งให้เป็นจุดตัดสินใจ กรอบแนวต้านสำคัญ 1,345-1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับสำคัญเชิงจิตวิทยาที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้แนวโน้มระยะกลางถึงยาวราคาทองคำน่าจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการเริ่มปรับชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE ของสหรัฐฯในอนาคตซึ่งประธาน FED หลายสาขารวมถึงนายเบน เบอร์นันเก้เองคาดว่าหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีตามที่คาด FED ก็จะเริ่มปรับชะลอภายในปีนี้
ข้อมูลบทวิเคราะห์โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก, บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์
เรียบเรียงโดย : ทองคำราคา.com
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,100.00 | 44,200.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,312.12 | 44,700.00 |
วันนี้ 500 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 16:41 น. | (ครั้งที่ 13) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง