ทองยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังพุ่งขึ้นจากดอลลาร์อ่อน ในประเทศบาทแข็งทองทรงตัว
โดยราคาทองคำนิวยอร์กปิดบวกเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนกันยายนของสหรัฐ ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ทองคำยังเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งในขณะนี้ยังได้รับปัจจัยบวกหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่า ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่ของสหรัฐ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าในเดือนตุลาคมนี้ เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่รายงานเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมายังส่งสัญญานถึงความอ่อนแอ โดยล่าสุดข้อมูลภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลดลงยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีน้อยลง โดยสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนกันยายน ของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 56.9 ใน จากระดับ 59 ในเดือนก่อนหน้้า โดยตัวเลขภาคบริการดังกล่าวถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรือในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะที่ 57.5
ขณะเดียวกัน ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนกันยายนของสหรัฐก็ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 55.1
ส่วนรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืน มียอดดุลการค้าประจำเดือนสิงหาคม โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น และในสัปดาห์นี้ยังมีประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญอยู่ที่การเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐซึ่งเป็นการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16-17 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงคำแถลงของประธานเฟดสาขาต่างๆ ที่คาดจะมีการแสดงความเห็นแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทางด้านราคาทองคำในประเทศ เมื่อวานนี้ทองในประเทศลดลง 50 บาท โดยเป็นผลมาจาการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐออกมาย่ำแย่เมื่อสัปาดาห์ที่แล้ว ขณะทีเปิดตลาดทองในประเทศเช้าวันนี้ ราคายังคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ ส่วนเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ตามค่าเงินภูมิภาค ซึ่งอาจจะส่งผลต่อทองในประเทศให้ปรับตัวลดลงในขณะที่ทองคำตลาดโลกยังเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบแคบๆ
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway upโดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับที่ 1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,140 และ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง