ทองลงหลังตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งดอลลาร์แข็ง ในประเทศบาทยังอ่อนทองลงน้อย
โดยราคาทองคำปรับตัวลดลง หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับทองคำได้แรงกดดันหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ส่งสัญญาณใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม
นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ภายหลังจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน จากข่าวที่ว่ากองกำลังรัฐอิสลาม(IS) ได้โจมตีคลังเก็บน้ำมันของลิเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจาก นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) ได้เปิดเผยในการแถลงข่าวหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ECB จะทำการทบทวนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมีนาคม โดยถ้อยแถลงของนายดรากีเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB อาจผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกในเดือนมีนาคม
ส่วนรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 293,000ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฏาคมปี 2015 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 279,000ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขแรงงานดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 46 ติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
ส่วนรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนวันนี้ จะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนธันวาคม ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะยอดขายบ้านมือสองจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีรายงานเศรษฐกิจจากฝั่งยูโรโซน คือ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและดัชนี PMI ภาคบริการประจำเดือนมกราคม
ทางด้านราคาทองคำในประเทศเมื่อวานนี้ พบการเคลื่อนไหว 3 ครั้งซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 ครั้งและปรับตัวลดลง 2 ครั้งสรุปราคาพบว่าทองปรับขึ้น 100 บาท ส่วนเปิดตลาดทองในประเทศเช้าวันศุกร์สุดสัปดาห์ ทองปรับลดลง 50 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดีค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวในระดับอ่อนค่า ส่งผลเป็นแรงหนุนสำคัญต่อราคาทองคำในประเทศให้ปรับลดลงได้น้อยกว่าปกติ
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำทางเทคนิค คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,090-1,110 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังเผชิญกับแนวต้านแข็งแกร่งที่ 1,110 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่คาดว่าเมื่อปรับขึ้นแนวต้านดังกล่าวจะมีแรงเทขายออกมา แต่ถ้าผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,122 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่มีแนวรับระยะสั้นที่ 1,090 และ 1,080ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวราคาน้ำมัน, ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง