ทองเช้านี้ลดลง หลังพุ่งแรงเมื่อสัปดาห์ก่อน ในประเทศบาทแข็งทองลง
โดยราคาทองคำเช้านี้ร่วงลงกว่า 8 ดอลลาร์แตะที่ระดับ 1,164 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทะยานขึ้นกว่า 18 ดอลลาร์แตะระดับ 1,173 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเนื่องมาจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมกราคมของสหรัฐออกมาต่ำเกินคาด
ภาพรวมราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งเป็นสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งนับตั้งแต่เดือนตุลาคม58 โดยปัจจัยบวกหนุนทองคำมาจากแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขานิวยอร์กและสาขาดัลลัส ที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่า เฟดอาจจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้ เมื่อพิจารณาจากสภาวะการเงินที่ยังคงตึงตัว นอกจากนี้การที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมกราคมที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นผลทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและเป็นแรงบวกให้กับทองคำ
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยบวกที่ว่า กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำรายใหญ่ของโลก สัปดาห์ที่ผ่านมากองทุนได้เข้าซื้อทองเพิ่มเติมอีก 29 ตัน รวมปัจจัยทางด้านเทคนิคที่สดใสหลังจากราคาทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้านแข็งแกร่ง 1,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้
อย่างไรก็ตาม ทองคำยังพบปัจจัยลบที่มาสกัดกั้นการพุ่งทะยานของทองคำเอาเอา เนื่องจากรายงานอัตราการว่างงานของสหรัฐประจำเดือนมกราคาลดลงสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนบางส่วนมองว่า อาจจะทำให้เฟดกลับมาพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ก็เป็นไปได้เช่นกัน
ส่วนประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ตลาดติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดที่คาดว่าจะกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ซึ่งหากในกรณีที่ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้ จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ทางด้านราคาทองในประเทศ สัปดาห์ที่ผ่านมาทองในประเทศปรับขึ้นมากถึง 800 บาท โดยเฉพาะวันเสาร์ทองพุ่งพรวดเดียว 300 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำต่างประเทศ ขณะที่เปิดตลาดทองในประเทศเช้าวันจันทร์ ทองร่วงลง 100 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่วนค่าเงินบาทเช้านี้ยังเคลื่อนไหวน้อยแต่ยังอยู่ในระดับแข็งค่าซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
บริษัท ฮั่่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดเริ่มมีการปรับฐาน หลังจากราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดการเงินจีนจะปิดทำการยาว 5 วันตั้งแต่วันที่ 8-12 ก.พ.ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้คาดความต้องการทองคำจะเบาบางลง ทั้งนี้ระยะสั้นราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,175 และ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,160 และ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวค่าเงิน, ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง