ฮั่วเซ่งเฮงคาดสัปดาห์หน้า ตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งผลบวกต่อราคาทอง
โดยห้างทองฮั่วเซ่งเฮง รายงานสถานการณ์ทองคำว่า สัปดาห์นี้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ทำให้ทองคำถูกแรงเทขายออกมา และปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เนื่องจากไซปรัสบรรลุข้อตกลงกับยูโรโซนในการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินระหว่างประเทศ วงเงิน 1 หมื่นล้านยูโร ก่อนถึงกำหนดเส้นตายวันจันทร์ที่ 25 มี.ค. ซึ่งทำให้ไซปรัสต้องมีการปฏิรูปภาคธนาคาร และมีการปิดธนาคาร Popular Bank of Cyprus หรือ Laiki ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของไซปรัส ธนาคารพาณิชย์ในไซปรัสต้องปิดทำการ 10 วันทำการ และเปิดทำการในวันพฤหัสฯ เพื่อป้องกันประชาชนแห่ถอนเงินฝาก โดยคาดว่าไซปรัสจะได้รับช่วยเหลืองวดแรกในต้นเดือน พ.ค.
อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของราคาทองคำมีกรอบที่จำกัด จากคำกล่าวของ นายเจอโรน ดีจ์เซลเบลิม ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน ที่กล่าวว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส ถือเป็นแม่แบบใหม่ในการใช้แก้ไขปัญหาทางการธนาคารในยูโรโซนและในประเทศอื่นๆ ที่อาจจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาคธนาคาร ซึ่งทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อภาคธนาคารในยุโรป นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ตุรกี เป็นต้น ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่าง 1,590-1,615 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
สัปดาห์หน้า(1-5 เมษายน 2555)คาดราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างเข้มข้น ทั้งการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น การประชุมธนาคารกลางยุโรป และตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ สำหรับการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ ภายใต้ผู้ว่าการบีโอเจคนใหม่ในวันที่ 3-4 เม.ย. คาดว่าเป็นประเด็นที่ตลาดจับตามองเป็นพิเศษ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า บีโอเจมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นเข้าซื้อสินทรัพย์แบบปลายเปิดในทันที แทนที่จะเริ่มต้นในปี 2014 โดยจะเข้าซื้อตราสารหนี้ 2 ล้านล้านเยนต่อเดือน เพื่อที่จะให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น พุ่งขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการ QE จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นมากกว่าตลาดทองคำ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรปคาด ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 0.75% ดังนั้น คาดว่าอาจจะไม่มีนัยสำคัญมากนัก สำหรับตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ จะมีผลต่อการตัดสินใจถอนมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ถ้าออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ จะส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้ามกรณีออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ราคาทองคำมีโอกาสถูกแรงเทขายออกมา โดยทองคำมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,590 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ถ้าหลุดแนวรับหลังจะทำให้มีแรงเทขายอย่างหนัก และราคาทองคำจะมีแนวโน้มปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,570 และ 1,560 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ต่อไป ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,620 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งถ้าสามารถทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,630-1,635 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ