4 ปัจจัยเสี่ยงทุบราคาทองคำในตลาดโลก
โดยอีกหนึ่งบทความดีๆ ที่เราอยากนำเสนอให้พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ได้เอาข้อมูลไปวิเคราะห์ความเสียง กับมูลเหตุปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำทั้งโลกผันผวนในรอบ 30 ปีอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายๆ คนหนาวๆ ร้อนๆ ว่าต่อไปอนาคตราคาทองคำจะเป็นอย่างไร ยังน่าเล่นอยู่ไหม? แล้วจะนำข้อมูลจากที่ใหนได้บ้างมาวิเคราะห์และเป็นแนวทางในการลงทุนกับทองคำต่อไป….แต่เหนือสิ่งอื่นใหนอยากให้ทุกท่านมีสติ และอย่าได้หวั่นวิตกไปมากนัก เพราะจริงๆ แล้วราคาทองขยับขึ้นแล้วก็ต้องมีลงเป็นธรรมดา แต่อาจจะลงแรงไปก็เท่านั้นเอง แต่สุดท้ายแล้วอยากบอกว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ซู๊ด…ที่ครอบครองแล้วสบายใจกว่าอะไรหลายเท่า….เพียงแต่ ณ.ตอนนี้ ไม่แนะนำให้ถือครองทองคำเพื่อเกร็งกำไรเท่านั้นเองจ๊ะ นายจ๋า….
4 ปัจจัยเสี่ยงทุบราคาทองคำในตลาดโลก ดำดิ่งวันเดียวหนักสุดในรอบ 30 ปี “เงินเฟ้อต่ำ-ความเสี่ยงศก.โลกลด-หุ้นพุ่ง-ดบ.จ่อขยับขึ้น”
ราคาทองคำร่วงภายในวันเดียวหนักสุดในรอบกว่า 30 ปี ราคาลดลงไปถึง 140.30 ดอลลาร์ หรือ 9% มาอยู่ที่ 1,361 ดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 เม.ย.2556) แม้ราคาจะค่อยๆ ปรับตัวลงมา นับแต่พุ่งไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2554 แต่กระแสการเทขายอย่างหนักเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนราคาในตลาดโลกจะร่วงลงมาอย่างหนัก ราคาทองคำไต่ระดับขึ้นมาทุกปี เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองคำ เพื่อเป็นเกราะป้องกันจากเงินเฟ้อ และในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งสวรรค์สำหรับการลงทุนอย่างปลอดภัย
ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเมื่อครั้งที่รัฐสภา สหรัฐกำลังงัดข้อกันในเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ จนทำให้เกิดความเสี่ยงว่า สหรัฐ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกจะผิดนัดชำระหนี้
แต่การชะลอตัวของเงินเฟ้อ ประกอบกับกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังพิจารณาลดการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จุดชนวนให้บรรดานักลงทุนพากันเทขายทองคำ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 เม.ย.2556) ตลาดยังได้แรงกระตุ้นจากรายงานข่าวที่ว่า ไซปรัสอาจเทขายทองคำสำรองบางส่วน เพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ หลังจากได้รับการอัดฉีดจากนานาประเทศแล้ว
สาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำร่วงลง และการปรับตัวลดลงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อาจเป็นไปได้ดังต่อไปนี้
1. เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ เพราะเกรงว่าเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นเร็วเกินไป จากการที่เฟดดำเนินความพยายามกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น จะบั่นทอนกำลังการซื้อของเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ เงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม แม้เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นแล้วก็ตาม ทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ เงินดอลลาร์ ยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ทำให้ทองคำกลายเป็นแหล่งลงทุนที่มีความน่าสนใจน้อยลง
2. ความกังวลเศรษฐกิจโลกลดลง
การเข้าซื้อทองคำ ยังเกิดจากการที่ทองคำเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย เป็นเสมือนสินทรัพย์ที่สร้างความอุ่นใจให้กับนักลงทุน ในช่วงเวลาที่เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการล่มสลายในผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ
สถานการณ์ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความวิตกต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิกฤติการเงิน ความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ หรือการล่มสลายในยุโรป ซึ่งล้วนแต่เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดการเข้าลงทุนในทองคำมากขึ้น จนดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
แต่เมื่อความกังวลเริ่มหายไป หลังธนาคารกลางประเทศต่างๆ พากันเข้าอัดฉีดเศรษฐกิจที่มีปัญหารายแล้วรายเล่า จึงทำให้การเข้าซื้อทองคำลดลง
นายนิโคลาส บรูคส์ หัวหน้าฝ่ายวิจัย และกลยุทธ์การลงทุน จากอีทีเอฟ ซิเคียวนริตีส์ ระบุว่า ทองคำเป็นเหมือนหลักทรัพย์ค้ำประกัน เมื่อสถานการณ์การลงทุนอยู่ในสภาวะย่ำแย่อย่างหนัก และตอนนี้ที่ราคาลดลง ก็เป็นเพราะผู้คนรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องมีการค้ำประกันในขณะนี้แต่อย่างใด
3. ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
แม้ตลาดหลักทรัพย์เกือบทั่วโลก จะปรับลดลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ตลอดทั้งปีนี้ ตลาดหุ้นอยู่ในขาขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เพราะนักลงทุนต่างมองแง่ดีว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหลุดพ้นจากภาวะซบเซา หลังหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งใหญ่ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดการเทขายทองคำครั้งใหญ่นั้น ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับขึ้นมาแล้วถึง 11%
นายปีเตอร์ ชิฟฟ์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) จากยูโร แปซิฟิก แคปิตัล แสดงความเห็นว่า ในโลกของเงินร้อนนั้น ผู้คนมักไม่ค่อยมีความอดทน และเมื่อดาวโจนส์ เริ่มขยับขึ้นทำสถิติใหม่ ทำให้นักลงทุนเริ่มคิดว่า การอยู่ในตลาดทองคำ ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสไป จึงเกิดการเทขายทองคำ เพื่อนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น
4. ดอกเบี้ยจ่อขยับขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐ เริ่มพิจารณาถึงการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงมา ถ้าหากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจรวมถึง การปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจไม่ให้ร้อนแรงจนเกินไป ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าการถือครองทองคำในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยใกล้ถึงระดับ 0% เหมือนในขณะนี้ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะเงินฝากในบัญชีจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนใดๆ
แต่หากดอกเบี้ยสูงขึ้น ก็จะทำให้ความน่าสนใจในทองคำลดลง
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ