ทองดิ่ง สัญญาณเตือนเศรษฐกิจโลก
โดยการทรุดตัวของราคาทองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณสะท้อนสภาพเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนแถวหน้าบางคนชี้ว่าการเทขายทอง ประกอบกับราคาน้ำมันและวัตถุมีค่าอื่นๆ ที่ปรับตัวลง สะท้อนความล้มเหลวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางประเทศอื่นในการกระตุ้นความต้องการ ทั้งที่ธนาคารเหล่านี้อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบการเงินโลก
การดำดิ่งของราคาทองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว(จันทร์ที่ 15-เสาร์ที่ 20 เมษายน 2556) สร้างความสั่นสะท้านแก่นักลงทุนที่เห็นกำไรหายไปในพริบตา และอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์อื่นส่อเค้าจะปรับตัวลงตาม บางคนมองว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดภาวะช็อคทางเศรษฐกิจและตลาดในวงกว้าง พอๆ กับการล้มละลายของกองทุนบริหารความเสี่ยง ลองเทิร์มแคปิตอลแมเนจเมนต์ เมื่อปี 2541 หรือวิกฤติการเงินในอีก 10 ปีต่อมา ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์ทั้งสองนั้น ราคาทองได้ดิ่งฮวบ
หากย้อนไปจะพบว่าราคาทองคำที่พุ่งขึ้นหลังเกิดวิกฤตการเงิน เป็นผลส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไร ที่มีชนวนมาจากกระแสเงินสดจำนวนมหาศาลผลจากการดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุก เพราะเป็นที่คาดหมายกันว่าหากมีสินเชื่อจำนวนมหาศาล เศรษฐกิจโลกจะโป่งพองขึ้นอีกครั้ง แต่การปรับตัวลงของราคาทองคำ น้ำมัน และทองแดง ซึ่งสองอย่างหลังเชื่อมโยงอย่างมากกับการเติบโตด้านอุตสาหกรรมของโลก สะท้อนว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้โตขึ้นมากนัก
นอกจากนั้น การหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างพันธบัตรสหรัฐในช่วงไม่นานมานี้ ทั้งที่ผลตอบแทนต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ยังเป็นสัญญาณอีกประการว่าเศรษฐกิจโลกยังห่างไกลจากความสดใส เพราะพันธบัตรเป็นแหล่งหลบภัยในยามเศรษฐกิจอ่อนแอหรือไม่มีเสถียรภาพ
กองทุนพิมโกโททัลรีเทิร์น ซึ่งมีสินทรัพย์ 289,000 ล้านดอลลาร์และดูแลโดยบิลล์ กรอสส์ เพิ่มการลงทุนในพันธบัตรและหลักทรัพย์เกี่ยวเนื่องกับกระทรวงการคลังของสหรัฐ เป็น 33% เมื่อเดือนมี.ค. จาก 28% เมื่อเดือนก่อน
สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้บางคนถึงขั้นคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจตกสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง แม้มีไม่กี่คนที่คิดเช่นนี้ก็ตาม
เมื่อต้นสัปดาห์ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือ 3.3% จาก 3.5% ซึ่งความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวนี้ก็เกิดขึ้นกับเฟดเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับ “ภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง” รวมถึงนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ที่ระบุว่าหากเงินเฟ้อยังปรับตัวลง เขาก็พร้อมจะเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายโคมัล ศรี-กุมาร ประธานบริษัทศรี-กุมารโกลบอลสแตรทเตอจีส์ ระบุว่าสัญญาณทั้งหลายบ่งว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และอาจถึงขั้นถดถอยซ้ำสองภายในปีหน้า
การคาดหมายดังกล่าวก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการอัดฉีดเงินสดจำนวนมหาศาลเข้าสู่เศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะโดยเฟด ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอื่นๆ
ขณะที่แบงก์ออฟอเมริกา-เมอร์ริลลินช์เตือนว่าทองคำซึ่งซื้อขายกันที่ 1,392 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน อาจร่วงเหลือ 1,200 ดอลลาร์ก่อนที่จะทรงตัว เพราะวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นน้อยมาก ผสานกับข่าวว่าธนาคารกลางอาจนำทองคำออกขาย
อย่างไรก็ตาม บางคนเชื่อว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ในขณะนี้ทองคำกำลังอยู่ในช่วงปรับฐาน หลังจากทะยานขึ้นมา 12 ปีติดกัน และพุ่งขึ้น 52% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่ปรับตัวขึ้นได้สูงขนาดนี้ก็มีแต่หุ้นภาคเทคโนโลยีในสมัยปลายทศวรรษ 90 เท่านั้น
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ