ฮั่วเซ่งเฮง เผยทองปิดลบแต่เริ่มฟื้นตัวกลับหลัง FED ยืนยันทำ QE ต่อ
โดยราคาทองคำในการซื้อขายช่วงต้นสัปดาห์แกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบ ก่อนที่ในการซื้อขายช่วงเย็นวานนี้(พุธที่ 1 พ.ค. 56) ซึ่งตลาดการเงินของไทยปิดทำการได้เริ่มมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาทองปรับตัวลงค่อนข้างแรง อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา จนราคาทองเริ่มดีดตัวลดช่วงการติดลบลง
โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อคืนนี้(พุธที่ 1 พ.ค. 56) ที่ 1,455.70 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ปรับตัวลดลงจากระดับปิดของวันอังคาร 19.05 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,440 และ 1,477 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวันอังคาร(30 เม.ย.56)ที่ผ่านมาขายออกที่บาทละ 20,450 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,350 บาท ทองรูปพรรณชนิด 96.5% ขายออกที่บาทละ 20,700 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 19,905.08 บาท กองทุน SPDR รายงานว่ามีการลดการถือครองทองคำลงจากวันอังคาร 5.41 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 1,075.23 ตัน
ราคาทองคำอ่อนตัวลงตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ หลังจากมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน รายงานเมื่อวานนี้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเมษายนของจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.6 จากเดือนมีนาคมที่ระดับ 50.9 สะท้อนให้เห็นว่า จีนจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายช่วงค่ำ รายงานตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศของสหรัฐฯ เดือนเมษายนและผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำหลังจากนักลงทุนเริ่มประเมินว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐฯ เปิดเผยว่าภาคเอกชนทั่วสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่ม 119,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าผลสำรวจ ส่วนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปและจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อ เดือน จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% และจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2.5% นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเมษายนในวันศุกร์
โดยผลสำรวจประเมินว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.6% ส่วนในช่วงเย็นวันนี้การประชุมของธนาคารกลางยุโรป เป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ หากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองผ่านการแข็งค่าของเงินยูโร และการฟื้นตัวกลับของราคาน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ตาม ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ในทางเทคนิคเริ่มมีสัญญาณเตือนว่าการฟื้นตัวในรอบที่ผ่านมากำลังจะจบลง หากราคาทองไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,440 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ได้ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,400-1,410 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ต่อไป.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,050.00 | 44,150.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,251.48 | 44,650.00 |
วันนี้ 450 | -50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 15:13 น. | (ครั้งที่ 12) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ