ปิดตลาดหุ้นไทย(พฤหัสฯที่ 23 พ.ค.56) ลบ 23.81 จุด ตามตลาดภูมิภาค
โดยบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยประจำวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2556 วันสุดท้ายของสัปดาห์ก่อนหยุดยาว 3 วัน ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมลดวงเงินโครงการซื้อคืนพันธบัตร ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 1,582.76 จุด ลดลงเกือบ 50 จุด และปรับตัวสูงสุดที่ 1,629.57 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,607.46 จุด ลดลง23.81 จุด หรือคิดเป็น 1.46% รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 78,134.46 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 154 หลักทรัพย์ ลดลง 584 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 584 หลักทรัพย์
สำหรับ 5 อันดับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ
1.TRUE บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 10.50บาท +0.40 (+3.96%)
2.INTUCH บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 92.75บาท -0.25 (-0.27%)
3.JAS บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 9.55บาท -0.25 (-2.55%)
4.BAY ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 35.50บาท -0.25 (-0.70%)
5.KBANK ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 214.00 บาท -6.00 (-2.73%)
ขณะที่ ดัชนีสเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 3,393.17 จุด ลดลง 61.20 จุด
ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิต ปิดตลาดที่ระดับ 1,773.06 จุด ลดลง 10.82 จุด
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ปิดตลาดที่ระดับ 14,483.98 จุด ลดลง 1,143.28 จุด และ
ดัชนีฮั่งเส็งฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 22,669.68 จุด ลดลง 591.40 จุด
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นภาคบ่ายวันนี้(พฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2556) ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ต่อจากเมื่อวานนี้(พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556) ซึ่งเป็นการปรับฐานต่อเนื่อง แต่การปรับฐานถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะเป็นตัวช่วยให้ตลาดสามารถลดความร้อนแรงลงไปได้
ทั้งนี้ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้มีอะไรคืบหน้า นอกจากมีการพูดถึงเรื่องของอนาคตข้างหน้า หากตัวเลขเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อาจจะกลับมาพิจารณากันอีกครั้งว่า มาตรการ QE ควรจะสิ้นสุดลงได้หรือยัง โดยการประชุมครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 17-อังคารที่ 18 มิถุนายน 56 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้อาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล และส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม จากการที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากพอสมควร อาจส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรอย่างสูงในช่วงท้ายๆ ได้ โดยหุ้นในกลุ่มของการสื่อสาร ค้าปลีก โรงพยาบาล และก่อสร้าง มีราคาแพงมาก เพราะช่วงนี้นักลงทุนต่างออกมาเก็งกำไรหุ้นในราคาที่สูงมากจริงๆ
ที่มาโดย : ไทยรัฐออนไลน์, settrade.com
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ