หุ้นไทย(พุธที่ 12 มิ.ย.56) ผันผวนหนักปิดร่วง 19 จุด กังวลเฟด
โดยบรรยากาศความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยประจำวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2556 ผันผวนอย่างหนัก โดยเปิดตลาดดัชนีปรับลดลงทันทีเกือบ 18 จุด และมีแรงขายต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีปรับลดลงเกือบ 30 จุด แตะจุดต่ำสุดที่ 1,422 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังหวาดกลัวกับภาวะตลาดต่างประเทศที่ปรับลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่ S&P ได้ปรับเครดิตสหรัฐเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจเพิ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดขนาดมาตรการ QE ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยต่อเนื่องหลังจากค่าเงินบาทอ่อนต่อเนื่องด้วย
ขณะที่เปิดตลาดช่วงบ่ายมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาหนาแน่นส่งผลให้ดัชนีสามารถปรับขึ้นไปยืนแดนบวกได้ โดยแตะระดับสูงสุดที่ 1,457.68 จุด อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายตลาดมีแรงขายออกมาต่อเนื่องทำให้ดัชนีปรับลดลงกว่า 20 จุดอีกครั้ง ก่อนรีบาวน์ขึ้นมาปิดการซื้อขายที่ 1,433.47 จุด ลดลง 19.16 จุด คิดเป็นสัดส่วนลดลง 1.32% รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 66,506.14 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในปี 2555 อยู่ที่ 76,388 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จึงยังเหลือหุ้นที่ต่างชาติยังไม่ได้ขายออกมาอีกประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากนักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นออกมาอีก ก็ยังมีตัวเลขเหลืออยู่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่สูงมาก ส่วนต่างชาติจะขายออกมาหมดหรือไม่ และช่วงเวลาใด ไม่สามารถสรุปได้ เพราะการตัดสินใจขายของต่างชาติ ขึ้นอยู่กับการจัดพอร์ตว่า ต้องการขายหุ้นในประเทศไทยเท่าใด เนื่องจากต่างชาติมีการลงทุนในตลาดหุ้นหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า จังหวะนี้ หรือการเคลื่อนไหวของดัชนีที่บริเวณ 1,420-1,430 จุด ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำแล้ว
ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่า ดัชนีจะอ่อนตัวลงอีก เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา โดยนักลงทุนต้องติดตามเป็นหลักคือเม็ดเงินไหลเข้า-ออกจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงความชัดเจนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนระยะกลางและระยะยาว ควรทยอยซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อาทิ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หุ้นกลุ่มสื่อสาร และหุ้นในกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ MSCI ส่วนนักลงทุนเก็งกำไร ควรรอดูสถานการณ์ที่เหมาะสมทั้งนี้ ประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 1,414 จุด แนวรับถัดไปไว้ที่ 1,410 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,450 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่
1.INTUCH-บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 79.50 บาท ลดลง 2.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนลดลง 3.05%
2.KBANK-ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 175 บาท ลดลง 6.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนลดลง 3.58%
3.ADVANC-บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 240 บาท ลดลง 11 บาท คิดเป็นสัดส่วนลดลง 4.38%
4.MAKRO-บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 774 บาท เพิ่มขึ้น 12 บาท คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 1.57%
5.KTB-ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 19.60 บาท ลดลง 10 สตางค์ คิดเป็นสัดส่วนลดลง 0.51%
ที่มาโดย : settrade.com, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,050.00 | 44,150.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,251.48 | 44,650.00 |
วันนี้ 450 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 09:42 น. | (ครั้งที่ 4) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ