ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองวันนี้ล่าสุดจากสมาคมค้าทองคํา ทองแท่ง ทองรูปพรรณ ราคาทองย้อนหลัง กราฟราคาทอง ข่าวแนวโน้มราคาทอง

สรุปราคาซื้อขายทองคำ วิเคราะห์โน้มราคาทองวันนี้ โดย เอ็มทีเอส โกลด์

โดย ราคาทองคำวันนี้

ราคาทองรูปพรรณวันนี้ ศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556ราคาทองคำ(พฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556) เปิดตลาดที่ระดับ 1,392 เหรียญต่อออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,375 (22.30 น.) เหรียญต่อออนซ์

-ค่าเงินบาทปิด 30.77 บาทต่อดอลลาร์
-ราคาสมาคมค้าทองคำ เปิดที่ 20,400 บาท กับ 20,500 บาท และกลับมาปิดที่ 20,150 บาท กับ 20,250 บาท
-ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,522 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 5,369 คู่สัญญา Silver Futures อยู่ที่ 3 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.5% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 2 % GFM13 ปิด 20,180 บาท และ GFQ13 ปิด 20,260 บาท GF10M13 ปิด 20,200บาท GF10Q13 ปิด 20,260 บาท

สัญญา Comex ปิดลดลง 14.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,377.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ Silver ปิดลดลง 21.3 เซนต์ ปิดที่ระดับ 21.583 ดอลลาร์ต่อออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,003.53 ตัน (ขายออก 6.32ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 81 เซนต์ต่อบาร์เรล ปิดที่ระดับ 96.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 180.85 จุด ปิดที่ 15,176.08 จุด

ราคาทองคำมีความผันผวนอย่างมากในการซื้อขายเมื่อวานนี้(พฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556) หลังจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างดี ในเรื่องของ Jobless Claims และ Retail Sales ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ส่งผลทำให้เกิดความผันผวนในตลาด โดย Dollar Index กลับปรับตกลงมาทั้งๆ ที่ควรจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ค่าเงินยูโรดอลลาร์เองก็ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.3350 ดอลลาร์ต่อยูโร เกิดแรงเทขายทองคำและแรงซื้อสลับกันไปเข้ามาในตลาด ทำให้ราคาทองคำผันผวนทั้งปรับขึ้นและปรับลงระหว่าง 1,376-1,386 เหรียญ มีการแกว่งตัวอย่างมาก รวมทั้งค่าเงินบาทเองเมื่อคืนนี้ก็แกว่งตัวอย่างมากเช่นเดียวกัน เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นหรือปรับตัวลดลงจากระดับ 31.05 บาทต่อดอลลาร์เมื่อคืนลงมาอยู่ที่ระดับ 30.79 บาทต่อดอลลาร์ และในเช้านี้(ศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่องมาอยู่ระดับ 30.60 บาทต่อดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำในรูปของดอลลาร์ยังเคลื่อนตัวเป็นทิศทาง Sideways คาดว่าจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,375-1,390 เหรียญ ในขณะที่ราคาทองคำในรูปของเงินบาทในระยะสั้นมากปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วรุนแรง วันนี้เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 50 สตางค์จะกดราคาทองคำในรูปของเงินบาทให้ปรับตัวลดลงถึงบาทละ 400 บาทต่อบาททองคำจากค่าเงินบาทเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนมีอัตราส่วนประกอบควบคู่ ซึ่ง ณ ขณะนี้โดยภาพรวมทางเทคนิคทองคำในรูปของเงินบาทอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาลงทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งกลับกันกับเมื่อสองวันก่อนที่ค่าเงินบาทปรับตัวสูงขึ้นหรืออ่อนค่า ที่ทำให้ทองคำในรูปของเงินบาทอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาขึ้นก่อนหน้านี้

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้(ศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556)
ยังคงแนะนำให้ลงทุนตามแนวโน้มทิศทางขาลงของราคาทองคำในหน่วยของเงินบาทและดอลลาร์ โดยแนวต้านของราคาทองคำในรูปของดอลลาร์จะอยู่ที่ 1,390 เหรียญ แนวรับทองคำอยู่ที่ 1,375 เหรียญเป็นแนวรับแรก ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,360 เหรียญ ในขณะที่ราคาทองคำในรูปของเงินบาทจะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 20,200 บาทต่อบาททองคำ ทองไทยจะมีแนวรับแรกที่ 20,000 บาทต่อบาททองคำ และแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ

นักลงทุนถือ Long Position
แนะนำให้ปิดสถานะ Long Position

นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังแนะนำให้ทำกำไรเป็นช่วงๆ ตามการแกว่งของราคาทองคำ ซึ่งช่วงนี้จะแกว่งค่อนข้างมาก

Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,060 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,260 บาท
Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,140 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,340 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

ข่าวที่สำคัญ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์อันเนื่องมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ รวมไปถึงการเทขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน โดยราคาทองคำปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,377.8 เหรียญ

การรายงานจากตัวเลข Jobless Claims พบว่า คนว่างงานน้อยลงกว่าที่คาด 20,000 ตำแหน่ง และตัวเลขยอดค้าปลีกดีขึ้นกว่าที่คาดเช่นกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และเป็นผลลบต่อราคาทองคำ

SPDR ยังคงเป็นผู้ขายอีกครั้ง เมื่อวานนี้ขายออก 6.32 ตัน คงเหลือทองคำที่ระดับ 1,003.53 ตัน

ข้อมูลจากบลูมเบิร์กพบว่า ดัชนีความผันผวนของทองคำในรอบ 60 วันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 28.9% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2011

เดียเลอร์กล่าวว่า ปริมาณการซื้อทองคำจากจีน ที่กลับมาเปิดตลาดในวันพฤหัสบดี ได้ควบคุมขอบจำกัดการตกของทองคำ

เหล่าเทรดเดอร์และนักลงทุนต่างกังวลว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ดิ่งลงจะส่งผลมาจนถึงตลาดหุ้นสหรัฐ โดยในสัปดาห์นี้มีแรงเทขายทั้งในทองคำ ดอลลาร์อินเด็กซ์ และพันธบัตรสหรัฐ

นักวิเคราะห์จาก CPM Group กล่าวว่า ราคาทองคำจะเกิดความผันผวนในทิศทางขาลงอีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า จากการที่มีการลดปริมาณความต้องการนำเข้าทองคำจากอินเดีย และนักลงทุนลดความสนใจในทองคำลง

รัฐบาลอินเดียวางแผนที่จะประกาศการทบทวนข้อจำกัดต่างๆ ในการลงทุนโดยตรงของต่างชาติโดยรัฐมนตรีคลังอินเดียกล่าวกับประชาชนให้หยุดการเข้าซื้อทองคำ เพราะอินเดียไม่ได้มีการผลิตทองคำเอง เมื่อประชาชนซื้อโดยใช้เงินรูปี แต่รัฐบาลต้องจ่ายเป็นดอลลาร์เพื่อซื้อทองคำ

ยอดนำเข้าทองคำสุทธิของอินเดียในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤษภาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 135 ล้านดอลลาร์ แต่มาลดลงอยู่ที่ 36 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งเดือนหลัง และทางอินเดียต้องการให้ลดลงกว่านี้

ปริมาณความต้องการทองคำในตลาดเอเชียยังคงแข็งแกร่ง จะเห็นได้ชัดจากค่าพรีเมี่ยมในสิงคโปร์ขึ้นมาแตะระดับสูงสุดที่ 7 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ

บริษัท เมตาลอร์ เทคโนโลยี จากสวิสเซอร์แลนด์ จะจัดตั้ง Gold Refinery ให้สำเร็จลุล่วงในสิงคโปร์ในสิ้นปีนี้สำหรับการผลิตทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม โดยจะสามารถผลิตทองคำได้ 360 ตันต่อปี หรือ 7 ตันต่อสัปดาห์ เนื่องจากสิงคโปร์ต้องการขยายการลงทุนซื้อขายทองคำแท่งไปทั่วโลก

เหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์หน้าคงหนีไม่พ้นการประชุม FOMC ซึ่งเหล่าสมาชิกเฟดจะหารือกันถึงนโยบายการเงินในปัจจุบัน และทำการตัดสินใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ หรือไม่ ทั้งนี้นักลงทุนจะจับตาการแถลงข่าวของนายเบอร์นันเก้ หลังการประชุมในคืนวันพุธหน้า

ผลสำรวจจากรอยเตอร์สระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะลดขนาดาการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสิ้นปี ในขณะที่อีกกลุ่มคาดการณ์ว่าจะลดขนาดให้เร็วที่สุดในเดือนกันยายน

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
– Core Retail Sales ตัวเลขเดิม -0.2% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.3%
– Retail Sales ตัวเลขเดิม 0.1% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.6%
– Unemployment Claims ตัวเลขเดิม 346K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 334K

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
– PPI ตัวเลขเดิม -0.7% ตัวเลขคาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.1%
– Core PPI ตัวเลขเดิม 0.1% ตัวเลขคาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.1%
– TIC Long-Term Purchases ตัวเลขเดิม -13.5B ตัวเลขคาดการณ์ออกมาที่ระดับ -13.5B
– Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิม 84.5 ตัวเลขคาดการณ์ออกมาที่ระดับ 84.9

บทวิเคราะห์โดย : เอ็มทีเอส โกลด์
ที่มาจาก : ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net

ข่าววิเคราะห์แนวโน้มราคาทอง 7 วันล่าสุด

แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000

แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด

วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน

วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง

จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม

ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก

ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา


ราคาทองวันนี้ล่าสุด(22/11/2567)

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

96.5%รับซื้อขายออก
ทองคำแท่ง44,050.0044,150.00
ทองรูปพรรณ43,251.4844,650.00
วันนี้ 450-50
22 พฤศจิกายน 2567เวลา 15:13 น.(ครั้งที่ 12)

ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวราคาทองคำ, ข่าวเศรษฐกิจ, วิเคราะห์ทอง, แนวโน้มราคาทอง



ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น