กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.75%
โดยกนง.เมินแรงกดดันการเมือง ยืนกรานไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย ตัดสินใจ 6 ต่อ 1 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ 2.75% เชื่ออัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเอื้อต่อเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และจะยังโตได้ดีต่อเนื่อง…
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวแถลงผลการประชุม กนง.ว่า กนง.มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 6 เสียงต่อ 1 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรอายุ 1 วัน) ไว้ที่ 2.75% เนื่องจากเห็นว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีความเหมาะสม ที่จะเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในอัตราที่ดีได้ โดยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเป้าหมายเงินเฟ้อเอาไว้ได้ โดยกรรมการ 1 ท่าน เห็นสมควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อลดความเสี่ยงจากเงินทุนเคลื่อนย้าย และเห็นว่าเศรษฐกิจในภาพรวมยังมีความเปราะบาง
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมครั้งนี้แล้ว คณะกรรมการฯ สั่งให้มีการติดตามความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินและสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมต่อไป ซึ่ง กนง. มีเห็นว่า น้ำหนักของความเสี่ยงในเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลดลงจากการขยายตัวที่ดีของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 ขยายตัวดีกว่าคาด และจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวสูงกว่า 4.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ ธปท.ประมาณการไว้ในรายงานเศรษฐกิจการเงินในครั้งก่อนหน้า แม้เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ ธปท.มีความสบายใจ และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในครั้งต่อไป
“แต่ในด้านเสถียรภาพการเงิน เศรษฐกิจในประเทศยังมีความเสี่ยงจากการเร่งขึ้นของราคาสินทรัพย์ในหลายที่ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมาก ขณะที่สินเชื่อขยายตัวในอัตราที่สูง ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น โดยสถานการณ์ดังกล่าว ยังไม่ดีขึ้น หรือทำให้ กนง.เบาใจขึ้นจากการประชุมที่ผ่านมา และในการดำเนินนโยบายการเงินการปล่อยให้เห็นฟองสบู่ก่อนน่าจะสายเกินไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ กนง.พิจารณา และตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินครั้งนี้” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ในด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้น กนง.ก็คงติดตามใกล้ชิด ซึ่งในส่วนของมาตรการรองรับ หรือการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น เป็นสิ่งที่ ธปท.พูดมาตลอดแล้วว่า ได้มีการเตรียมมาตรการในการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายไว้ต่อเนื่อง และพร้อมที่จะนำมาเลือกใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ ยืนยันว่า ในการประชุมครั้งนี้ ไม่มีการหารือ หรือหยิบยกการแทรกแซง หรือแรงกดดันให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากฝ่ายการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ มาอภิปรายในการประชุม และ กนง.ไม่ได้มีความพยายามในการส่งสัญญาณใดๆ ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือการตัดสินใจของ กนง.ในการประชุมครั้งต่อไปใน 6 สัปดาห์ข้างหน้าว่าจะออกมาในทิศทางใด
“ครั้งนี้ไม่มีคณะกรรมการคนใดนำเรื่องปัจจัยทางการเมือง หรือความคิดเห็นที่ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาหารือในที่ประชุม แต่มติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ ก็หมายความว่า ภายใต้สถานการณ์และตัวเลขเศรษฐกิจเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการแต่ละท่านจะตัดสินใจแตกต่างกันได้” นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทย ล่าสุด กนง.ประเมินว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่า คาดในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา และการขยายตัวที่ต่อเนื่องในปีนี้ มีแรงส่งสำคัญจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี รวมทั้งนโยบายการเงินและการคลัง ที่ยังคงผ่อนคลายต่อเนื่อง ในระยะต่อไป โดยความต้องการซื้อภายในประเทศ ยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก รวมทั้งการส่งออก ที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีสัญญาณดีขึ้น โดยเศรษฐกิจเอเชียยังขยายตัวได้ดี
ขณะที่แนวโน้มการบริโภคและการลงทุนของสหรัฐฯ ยังขยายตัว ขณะที่มาตรการกระตุ้นทางการเงินการคลังและการเงินของญี่ปุ่น น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีความเสี่ยงอยู่จากความยืดเยื้อในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยูโร และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,100.00 | 44,200.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,312.12 | 44,700.00 |
วันนี้ 500 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 16:41 น. | (ครั้งที่ 13) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ