ราคาทองคําวันนี้

ทองพุ่ง หลังรายงานเศรษฐกิจสหรัฐและจีนชะลอตัว ในประเทศได้อานิสงส์ขึ้นตาม 200 บาท

ราคาทองคำพุ่งขึ้นปริมาณมากหลังจากนักลงทุนผิดหลังกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดประเมินกดดันให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคาทองดีดตัวขึ้นสวนทางกับราคาสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐและสกุลเงินดอลลาร์ ที่ต่างปรับตัวลงในปริมาณค่อนข้างมาก

รายงานจาก เอชเอสบีซี โฮลดิงส์รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนมกราคม ลดลงสู่ระดับ 49.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และลดลงจากระดับ 50.5 จุด ในเดือนธันวาคม เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซา ขณะที่มาร์กิตรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมกราคมของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.7 จากเดือนธันวาคมที่ระดับ 55.0 จุด อีกทั้งกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างรายรอบสัปดาห์พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,000 ราย ที่ระดับ 326,000 ราย และปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัว

นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้แรงหนุนต่อเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาทองคำร่วงลงเมื่อคืนก่อน ภายหลังจากวาณิชย์ธนกิจหลายแห่ง

ทองร่วงต่อเนื่อง ระยะกลาง ยาว เป็นขาลงชัดเจน ระยะสั้นพอมีแรงหนุนจากเทศกาลตรุษจีน ในประเทศบาทอ่อนหนุนให้ลงได้น้อย

ราคาทองคำร่วงลง 0.4% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์แตะระดับต่ำสุดที่ 1,231.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ จากความกังวลของนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจตัดสินใจปรับลดมาตราการ QE ต่ออีกในการประชุมสัปดาห์หน้านี้ จากการประชุมครั้งล่าสุดได้มีการปรับลดวงเงินในมาตราการนี้ไป 1 หมื่่นล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

เพราะฉนั้นแนวโน้มและทิศทางของตลาดทองคำระยะกลางและระยะยาวเป็นขาลงที่ชัดเจน แต่ระยะสั้นยังคงมีปัจจัยบวกหนุนตลาดทองคำจากจีนในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับแนวรับสำคัญ อย่างไรก็ตามนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอคอยการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า(28-29)ที่อาจจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องการลดเม็ดเงินของมาตราการ QE ในครั้งนี้

และอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาทองคำอยู่ในขณะนี้ มาจากวาณิชย์ธนกิจหลายแห่งได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลงในปีนี้นั่นเอง โดยโกลด์แมนแซคส์ คาด

ทองร่วงจากแรงขายทำกำไร ก่อนประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ในประเทศบาทอ่อนช่วยหนุนทองไม่ให้ลงเยอะ

ราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลงหลังได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไรของนักลงทุน ถึงแม้ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะเริ่มอ่อนค่าลงจากที่กองทุนไอเอ็มเอฟ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หนุนราคาทองคำอยู่ในเวลานี้ โดยที่ก่อนปิดตลาดทองคำตลาดนิวยอร์ค สกุลเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นกดดันทองคำให้ร่วงลงแตะระดับ 1,237.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์เพิ่มมากขึ้นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอาจตัดสินใจลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณลงอีกในเร็วๆ นี้

ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และเคลื่อนไหวขึ้นลงตามรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปและจีน เนื่องจากสัปดาห์นี้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองค่อนข้างน้อย โดยคาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังเฝ้ารอดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า(28-29 ม.ค.) หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดมีมติปรับลดมาตราการผ่านคลายทางการเงินลง 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน

โดยรายงานจาก รอยเตอร์ระบุว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงก่อนที่จะเข้าใกล้การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจจะเริ่ม

ทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบ รอปัจจัยใหม่ ในประเทศบาทแข็งเล็กน้อย ทำให้เช้านี้ทองลง 50 บาท

เมื่อวานนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเนื่องมาจากตลาดเงินสหรัฐปิดทำการในวันหยุด มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์(Martin Luther King Jr.) ซึ่งภาพการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะนี้ยังคงทรงตัวในระดับสูง และมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกจากแรงหนุนที่เข้ามาจากตลาดเอเชีย โดยเฉพาะจีนจากเข้าช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนปลายเดือนนี้ รวมทั้งมีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีนที่ปรับตัวย่ำแย่

เมื่อวานนี้ราคาทองดีดตัวขึ้นขานรับตัวเลขเศรษฐกิจจากจีนที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวที่อ่อนแรงลง และเป็นปัจจัยช่วยหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2556 ขยายตัว 7.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งลดลงจากระดับ 7.8% ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2556 นอกจากนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ขยายตัว 9.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 13.6% เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าในเดือนพ.ย.

ทองดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว แนวโน้มระยะสั้นยังขึ้นได้อีก ในประเทศเช้านี้ขึ้นอีกรวมวันเสาร์ขึ้น 200 บาท

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเหนือระดับ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากปลายสัปดาห์ก่อน แต่เป็นการปรับตัวขึ้นค่อนข้างจำกัด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากที่นักลงทุนยังคงผิดหวังกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอย่างตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสัปดาห์ก่อน ที่ออกมาอ่อนแอ อีกทั้งประเด็นของธนาคารกลางสหรัฐเองก็ยังคงไม่มีท่าทีชัดเจนต่อนโยบายทางการเงิน สำหรับมาตราการปรับลด QE อย่างจริงจัง ส่วนทิศทางและแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้(20-24) ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก แต่คาดว่าจะะเป็นการปรับตัวขึ้นในปริมาณค่อนข้างจำกัดและอยู่ในกรอบ

สัปดาห์ที่ผ่านมาภาพรวมรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่รายงานออกมาส่วนใหญ่ยังคงมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนต่างประเมินกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะยังคงปรับลดมาตราการผ่านคลายทางการเงินลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่แล้ว

ส่วนรายงานจากกองทุน SPDR Gold Trust ว่าได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้น 7.49 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 797.05 ตัน และถือเป็นการเข้าซื้อทองคำครั้งแรกในปีนี้

ทองคำยังเคลื่อนไหวในระดับสูง คาดชดเชยราคาจากที่ร่วงต่ำสุด เศรษฐกิจสหรัฐยังเป็นปัจจัยหลักส่งผลโดยตรง

ภาพรวมราคาทองคำสัปดาห์นี้(13-17 มกราคม) ต้นสัปดาห์ปรับตัวลดลงจากปลายสัปดาห์ก่อนหน้า หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธันวาคม ออกมาน่าผิดหวัง และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ กลางสัปดาห์ต่อเนื่องปลายสัปดาห์เคลื่อนไหวทรงตัวในระดับสูง โดยปัจจัยหลักอยู่ที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เพื่อประเมินท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาทองคำตลาดนิวยอร์คปรับตัวขึ้น จากการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงอ่อนแอต่อเนื่องภายหลังการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ได้ช่วยหนุนให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมีความน่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน แม้ว่าสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดซึ่งได้สนับสนุนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจปรับลดมาตรการกระตุ้นอีก