ราคาทองคําวันนี้

ทองยังแกว่งตัวแคบ เข้าสู่ช่วงวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ ในประเทศได้บาทอ่อนหนุน เปิดตลาดขึ้น 100

ภาพรวมของราคาทองคำในช่วงนี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องจากต้นสัปดาห์ โดยราคาแกว่งตัวอยู่บริเวณ 1,196-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยส่วนใหญ่นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสมาสต์ต่อเนื่องปีใหม่ และคาดว่าแนวโน้มตลอดทั้งสัปดาห์นี้ราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาด ก่อนหยุดช่วงเทศกาลคริสมาสต์ พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ ที่ 1,203.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสามารถกลับขึ้นมาเคลือนไหวเหนือระดับแนวรับทางเทคนิคที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง หลังจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร จากที่สัญญาทองคำร่วงหลุด 1,200 ดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์(23) ที่ผ่านมา

ส่วนเมื่อวานนี้มีรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำถึงแม้จะไม่ทำให้ภาพการเคลื่อนไหวผันผวนมากนัก แต่มีนัยสำคัญต่อภาพ

ทองคำตลาดโลกเคลื่อนไหวในกรอบแคบในทิศทางขาลง ในประเทศทองขึ้นสวนทางจากเงินบาทอ่อน 32.81 หนุน

ภาพรวมราคาทองคำเมื่อวานนี้ต่อเนื่องเช้าวันนี้ยังคงเคลือนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากอยู่ใกล้ช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ต่อเนื่องปีใหม่ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างเริ่มชะลอการลงทุน จึงพบปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ส่วนเมื่อวานนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดตลาดพบว่าปรับตัวลดลง 6.70 ดอลลาร์ ที่ระดับ 1,197 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหลุดแนวรับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวโน้มน่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุด 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในรอบ 6 เดือนอีกครั้ง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่รายงานออกมาล่าสุดแข็งแกร่ง กดดันให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลง

ด้านนักวิเคราะห์จากโซซิเอเต เจนเนอราล(ซอคเจน) คาดการณ์ว่า สถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำกำลังจะสิ้นสุดลง นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ลงในการประชุมที่ผ่านมา

ประเด็นหลักที่เป็นปัจจัยลบกดดันราคาทองคำยังอยู่ที่การประกาศปรับลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินลงของธนาคารกลางสหรัฐ หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจ

คาดทองแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงสัปดาห์นี้ โดยแนวรับอยู่ที่ $1,180 ในประเทศยังได้แรงหนุนจากเงินบาทอยู่

ภาพรวมราคาทองคำตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา(16-20) ปรับตัวลดลงอย่างหนัก จากการประกาศปรับลดมาตราการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารคารกลางสหรัฐลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความน่าสนใจการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ นั้นมีน้อยลง และจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งทองคำให้เคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับทางเทคนิคบริเวณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือนนับตั้งแต่ที่ปรับตัวลดลงถึงจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้สร้างความประหลาดใจแก่นักลงทุนว่า การประกาศลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารทางเงินอื่นๆ นี้ จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมกราคมปีหน้า แต่เหตุใดราคาทองกลับถูกกดดันอย่างหนักขนาดนี้

อย่างไรก็ตามวันสุดท้ายของสัปดาห์(ศุกร์ 20) ราคาทองคำกลับฟื้นตัวขึ้นได้จากแรงซื้อทางเทคนิค หลังจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำหลังจากที่ราคาร่วงหลุด

ภาพรวมแนวโน้มราคาทองคำยังปรับตัวลง ในประเทศได้อานิสงส์บาทอ่อนค่าหนุนราคาไว้ได้เยอะ

ภาพรวมราคาทองคำตลอดทั้งสัปดาห์นี้(16-20) เป็นสัปดาห์ที่ทองคำร่วงหนักสุดกว่า 3% และต่ำกว่าแนวรับทางเทคนิคที่สำคัญระดับ 1,200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยสาเหตุจากแรงเทขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและกดดันต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อีกทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้ความน่าสนใจของทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเครื่องมือป้องกันภาวะเงินเฟ้อลดลง ตรงกันข้ามกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นกลับได้รับความนิยมมากขึ้น

ทำให้จากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่ผ่านมายังได้ปรับประมาณการณ์อัตราเงินเฟ้อและอัตราว่างงานลงในปีหน้า(2014)อีก ทำให้เกิดความกังวลว่า

ทองร่วงหนักหลุด $1,200 ผ่านดอลาร์แข็งค่า หลังเฟดลด QE แนวโนมยังลงต่อ ในประเทศโชคดีเงินบาทอ่อนพยุงราคาไว้

ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันและเมื่อวานนี้วันเดียวร่วงหนักว่า 3% และหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแกว่งอยู่เหนือแนวรับระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และถือเป็นระดับที่ใกล้เคียงจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปีอยู่แค่ 20 ดอลลาร์ เท่านั้น ซึ่งทิศทางและแนวโน้มยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ

โดยเมื่อวานนี้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาด ร่วงลงอย่างหนักกว่า 3% หรือ 41.40 ดอลลาร์ ที่ระดับ 1,193.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเป็นสัญญาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ในการประชุมเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา โดยเฟดประกาศลดวงเงินซื้อพันธบัตรลงไป 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาทองคำดิ่งลงด้วย

ข้อมูลจาก Reuters รายงานว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,180.71 ดออลลาร์ต่ออนซ์ ในวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้มีการ

ทองร่วงหลังเฟดลด QE ลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ระยะสั้นทองถูกกดดันต่อ ในประเทศได้อานิสงส์บาทอ่อนช่วยหนุนลดไม่เยอะ

เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงตอนตลาดปิดทำการ ก่อนทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ประกาศปรับลดปริมาณมาตราการผ่อนคลายทางการเงินลง

การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ที่เสร็จสิ้นเมื่อวานนี้หลังจากประชุมกันมา 2 วัน(17-18 ธ.ค.) ได้มีมติปรับลดขนาดการผ่อนคลายเชิงปริมาณด้วยการลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2557 ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงตรึงไว้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าอัตราว่างงานจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ก็ตาม

โดยธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE ลงในครั้งนี้ เนื่องมาจากเศรษฐกิจสหรัฐได้ฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้นในระดับ ปานกลาง