ราคาทองคำปรับตัวลดลง ภายหลังจากที่ธนาคารกลางหลายแห่งที่ส่งสัญญาณยุตินโยบายผ่อนคลายทางการเงิน(QE) ซึ่งทำให้โลหะมีค่าอย่างทองคำและโลหะเงิน มีความน่าดึงดูดน้อยลง และเป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐและยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,900.00 | 52,000.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,861.80 | 52,800.00 |
วันนี้ 250 | 50 | |
04 มิถุนายน 2568 | เวลา 16:01 น. | (ครั้งที่ 9) |
ข่าวแนวโน้มราคาทองคำวันนี้
นักลงทุนต่างลดการถือครองทองคำลงและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากมีแรงจูงใจจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐและยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่ธนาคารกลางหลายแห่งส่งสัญญาณยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ภายหลังการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงรายงานข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลซีเรียภายวางแผนที่จะใช้อาวุธเคมีในการโจมตีพลเรือนครั้งใหม่
เช้าวันจันทร์ต้นสัปดาห์ราคาทองปรับตัวลดลงจากระดับราคาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากราคาฟื้นตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ภายหลังสหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาซบเซา ในประเทศประกาศราคาครั้งที่ 1 ราคาร่วงลง 100 บาท โดยมีเงินบาทแข็งค่ากดดัน
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากเมื่อวานดิ่งลงอย่างหนักกว่า 20 ดอลลาร์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดรวมถึงส่งสัญญานขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้
ราคาทองคำปรับตัวลดลงวันแรกหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากการกลับมาแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นขานรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์
เช้าวันศุกร์ราคาทองพุ่งแรงขึ้นเหนือระดับแนวต้าน 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างทองคำ ก่อนที่จะมีการการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในวันนี้
ราคาทองคำนิวยอร์กปิดร่วงลงเป็นวันที่ 7 โดยล่าสุดทองคำได้รับปัจจัยลบกดดันเนื่องจากรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอย่างตัวเลขการจ้างนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนธันวาคมนี้