ราคาทองคําวันนี้

ทองร่วงหนักต่ำสุด 4 ปีกว่าจากดอลลาร์แข็งหลังรีพับลิกันชนะเลือกตั้งครั้งใหญ่ ในประเทศบาทอ่อนใกล้ 33 ทองลงน้อย

ราคาทองคำร่วงหนักต่อเนื่องและแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีกว่านับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2553 เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ทองคำที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินนี้มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น ความต้องการทองคำจึงลดลง นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานที่สูงเกินคาดของภาคเอกชนสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ทองคำร่วงลงติดต่อกันหลายวัน และล่าสุดทองคำได้รับแรงกดดันอย่างหนักจาก ดัชนีสกลุเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังจากที่พรรครีพับลิกันสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสในศึกเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งทำให้พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาสหรัฐและสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2006 หรือในรอบกว่า 8 ปี
และประเด็นดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจมากกว่า โดยนักวิเคราะห์

ราคาทองยังถูกกดดันอย่างหนักจากการแข็งค่าของเงินดอลาร์สหรัฐ ทองในประเทศเช้านี้ร่วงอีก 100

ราคาทองคำยังถูกกดดันอย่างหนันกจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านผ่านมาได้มีมติยุติโครงการซื้อพันธบัตร หรือมาตราการ QE รวมถึง การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ได้ประกาศซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมอย่างเหนือการคาดหมาย เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ส่งผลกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงหนักหลุดระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้สกัดความน่าสนใจของทองคำในฐานะะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่ได้ประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรแล้ว สหรัฐยังได้เปิดเผย ยอดขาดดุลการค้าที่ลดลงและการพุ่งขึ้นของงบรายจ่ายในการป้องกันประเทศทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวมากขึ้นในไตรมาส 3

โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเ(จีดีพี) สหรัฐเพิ่มขึ้นสูงเกินคาด 3.5% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.0% ได้หนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้พุ่งขึ้น ประกอบกับการ

ทองคำลดลง จากข่าวเฟดยุติ QE พรุ่งนี้ ภาพรวมเคลื่อนไหวในกรอบรอผลประชุม ในประเทศบาทและทองทรงตัว

ราคาทองคำปรับลดลง จากแรงกดดันกระแสข่าวที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) วันพุธ(29)นี้ ขณะที่นักลงทุนต่างระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศช่วงปลายสัปดาห์

ภาพการเคลื่อนไหวทองคำโดยรวมยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ ซึ่งคาดว่านักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายทองคำก่อนที่จะรับทราบผลการประชุม FOMC รวมระยะเวลา 2 วันซึ่งเริ่มวันนี้(28) และจะเสร็จสิ้นในวันพุธ(29) นี้ โดยมีการคาดการณ์จากตลาดที่ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน จะประกาศการสิ้นสุดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ มาตราการ QE ในการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าหากเฟดตัดสินใจยุติโครงการ QE ก็อาจจะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้ช่วยกระตุ้นให้ตลาดทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างเฝ้าจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงปลายสัปดาห์ โดยในวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการประมาณการ

ทองคำยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดมีแรงหนุนจากแรงซื้อจากอินเดียและจีน คาดแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ ในประเทศบาทแข็งทองขึ้นน้อย

ราคาทองคำยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อวานตลาดทองคำนิวยอร์กปิดตลาดปรับตัวขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หลังจากได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อทองคำจากจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำอันดับ 1 และ 2 ของโลก ประกอบกับแรงหนุนจากการที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า ความต้องการทองคำของอินเดียปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่จะถึงเทศกาลทิวารีและฤดูการวิวาห์ รวมทั้งรายงานที่ว่า ปริมาณการซื้อขายทองคำในจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2556

ขณะเดียวกัน รายงานข่าวจาก สำนักข่าวซินหัว ว่า กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำรายใหญ่สุดของโลกได้ปรับเพิ่มการถือครองทองคำ 1.5 ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อทองคำที่เพิ่มขึ้นในรายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ทองคำอ่อนตัวลง หลังตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นจากรายงานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในประเทศทั้งสัปดาห์ทองขึ้น 200

ราคาทองคำอ่อนแรงลดช่วงบวกลง จากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลก หลังมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และได้กดดันให้ราคาทองคำเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา

ทองคำกลับมาได้รับแรงกดดันจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐอีกครั้ง อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

เมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 263.17 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการภาคเอกชนที่สดใส และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

โดยรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนตุลาคมว่า ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 86.4 จากระดับ 84.6 ในเดือน

ทองอ่อนตัวลงทางเทคนิคหลังดอลลาร์แข็งค่า ส่วนระยะสั้นยังอยู่ในขาขึ้น ในประเทศเช้านี้บาททรงตัว ทองลง 50

ราคาทองคำอ่อนตัวเล็กน้อยจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยในทางเทคนิค ส่วนแนวโน้มทองคำระยะนี้ ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นระยะสั้น โดยมีแรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำของนักลงทุน ที่เริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนราคาทองในประเทศได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้เมื่อวานนี้ทองคำปรับขึ้นได้มากกว่าปกติ

กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยล่าสุดรัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้และปีหน้า อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในหลายภูมิภาคของโลก และเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

รัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้และปีหน้าเนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในหลายภูมิภาคของโลกและเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ รัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ ซึ่งลดลง