ราคาทองคํา Spot เคลื่อนไหวในกรอบแคบนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในสัปดาห์หน้า ส่วนทองในประเทศประกาศครั้งเดียวในวันเสาร์ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันศุกร์ ส่วนสัปดาห์นี้ก็เท่ากับสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 42,500.00 | 42,600.00 |
ทองรูปพรรณ | 41,735.48 | 43,100.00 |
วันนี้ 200 | 50 | |
26 ธันวาคม 2567 | เวลา 16:41 น. | (ครั้งที่ 2) |
ข่าวแนวโน้มราคาทองล่าสุด
ราคาทองคํา Spot ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากได้รับแรงหนุนจากปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้านทองในประเทศเปิดตลาดเช้าวันพุธปรับตัวขึ้น 50 บาท หลังจากเมื่อวานร่วงลง 200 บาท
ราคาทองคํา Spot ปรับตัวลงแรงเนื่องมาจากได้รับแรงกดดันหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งและการพุ่งขึ้นของพันธบัตรสหรัฐ จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด ด้านทองในประเทศเปิดตลาดร่วง 150 บาทจากระดับสูงสุดของเดือน
ราคาทองคํา Spot เคลื่อนไหวในกรอบแคบโดยตลาดจับตาการเปิดเผยข้อมูลดัชนี PCE ซึ่งเป็นตัวเลขเงินเฟ้อสำคัญ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2023 เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้านทองคำในประเทศเงินบาทอ่อนค่ามากหนุนปรับขึ้นสูงสุดใหม่ของเดือน
ทองลงวันแรก จากแรงเทขายหลังพุ่งแรง 7 วันติด ตามผลประชุมอีซีบีคืนนี้ ในประเทศเช้านี้บาทแข็งทองร่วง 150
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นวันแรกเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากทองคำปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในคืนวันนี้ตามเวลาไทย
ทองคำปรับฐานลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงก่อนหน้านี้ และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ครั้งใหญ่ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
และนอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา ยังทำให้นักลงทุนลดความต้องการถือทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจาก
ทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังหยุดวันลูเธอร์คิงจูเนียร์ แนวโน้มยังอยู่ในขาขึ้น ในประเทศบาทอ่อนทองขึ้น 100
เมื่อวานนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ภายใต้การซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการ ในวันหยุดเนื่องในวันเฉลิมฉลองวัน Martin Luther King Jr.(มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์) โดยแนวโน้มทองคำยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแรงซื้อของนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องมาจากนักลงทุนยังคงมีปฏิกริยาต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร
ขณะที่ประเด็นหลักที่นักลงทุนเฝ้าจับตาอยู่ที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคมนี้ อย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าการประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินของธนาคารกลางสวิสนั้น อาจส่งผลให้อีซีบีตัดสินใจประกาศโครงการซื้อพันธบัตรในการประชุมครั้งนี้
ทองขึ้นไม่หยุด แนวโน้มยังปรับขึ้นได้ต่อ และระยะกลาง ยาว ยังเป็นขาขึ้น ในประเทศเช้านี้บาทแข็งรอบ 2 เดือน ทองคงที่
สัปดาห์ที่ผ่านมา(12-16 ม.ค.)ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร
ทองคำพุ่งขึ้นในช่วงจากวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25% ทั้งนี้ การประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
ทองพุ่งกว่า $30 แตะสูงสุดรอบ 4 เดือน หลังสวิสยกเลิกมาตรการคุมค่าเงิน ในประเทศบาทแข็งทองพุ่ง 350
ราคาทองคำพุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 4 เดือน ส่วนตลาดทองคำนิวยอร์กปิดพุ่งทะยานกว่า 30 ดอลลาร์ หลังได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร
ทองคำทะยานขึ้นหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์(SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25% โดยการประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 กันยายน 2554 นั้น มีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกลางสวิสได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) อาจจะประกาศโครงการ
ทองลดลง จากระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน จากความกังวลเศรษกิจสหรัฐและทั่วโลก ในประเทศเช้านี้บาทแข็งทองคงที่!!
ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังพุ่งทะยานแตะระดับสุงสุดในรอบ 3 เดือน หลังพบรายงานเศรษฐกิจสหรัฐออกมาอ่อนแอ ขณะที่นักลงทุนยังให้ประเด็นแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในปีนี้เป็นปัจจัยลบกดดันต่อทองคำ
ในขณะที่ ตลาดทองคำนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมทั้งรายงานยอดค้าปลีกที่ซบเซาและการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น ได้ช่วยหนุนแรงซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทองคำยังเป็นแหล่งลงทุนสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงในยามที่เกิดเศรษฐกิจผันผวน หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ ภายหลังจากธนาคารโลกธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3% ซึ่งลดลง 0.4%
ทองพุ่งขึ้น 3 วันติดแตะ $1,244.5 สูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน จากแรงซื้อหลังตลาดหุ้นดิ่งน้ำมันร่วง ในประเทศเช้านี้ร่วง 150
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของทองคำไว้
ทองคำพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดใหม่ระดับ 1,244.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในรอบเกือบ 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2557 เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากข้อมูลแรงงานที่ผันผวนของสหรัฐ หลังสหรัฐมีการเปิดเผยข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของแรงงานภายในประเทศ ปรับตัวลดลง 0.2% ในเดือนธันวาคม 57 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2549 สู่ระดับ 24.57 ดอลลาร์ หรือในรอบ 8 ปี
ทองพุ่ง 3 วันติด จากวิกฤติการเมืองในกรีซและการร่วงลงของตลาดหุ้นหลังราคาน้ำมันดิบดิ่ง ในประเทศวานนี้ขึ้น 250
ราคาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ที่ระดับ 1,219 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากราคาน้ำมันตลาดโลกและการร่วงลงของตลาดหุ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างมีความกังวลที่ว่ากรีซอาจออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทองคำยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมองว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในยามที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลง อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันดิบและความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศกรีซ โดยในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 130.01 จุด หรือ ติดลบ 0.74% ขณะเดียวกันยังพบว่า ตลาดหุ้นเกิดใหม่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ส่วนสถานการณ์การเมืองในกรีซนั้น นายอันโตนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ กล่าวว่า ทางการกรีซจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 25 มกราคมนี้ ถือ
ทองร่วงต่อเนื่องต่ำสุดรอบ 1 เดือน จากดอลลาร์แข็งเศรษฐกิจสหรัฐสดใส กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย ในประเทศเช้านี้ลงอีก 100
ราคาทองปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันโดยร่วงลงไปแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนโดยนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงนี้ ในขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้อุปสงค์ในทรัพย์สินที่มีความปลอดภัยปรับตัวลดลง ในประเทศค่าเงินบาททิศทางยังแข็งค่าทำให้ราคาทองในประเทศลดลงมากกว่าปกติ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องและร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนกว่าที่ระดับ 1,290 ดอลลาร์ต่ออนซ์ นับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายที่าผ่านมา โดยนักวิเคราะห์มองว่านักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะข้อมูลด้านแรงงานและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งข้อมูลนี้เป็นประเด็นหลักที่ธนาคารกลางสหรัฐจะนำไปพิจารณาแนวโน้มการยุติมาตราการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือมาตราการ QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะเดียวกันกระแสคาดการณ์อย่างต่อเนื่องว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี อาจจำเป็นต้องออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ