ราคาทองพุ่งขึ้น จากแรงซื้อเก็งกำไร ภายหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวในระดับพอประมาณ ซึ่งหนุนกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเดินหน้าคุมเข้มนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่อไป ในประเทศวันเสาร์ขึ้นตาม 50 บาท
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,350.00 | 51,450.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,316.04 | 52,250.00 |
วันนี้ -400 | -400 | |
07 มิถุนายน 2568 | เวลา 09:05 น. | (ครั้งที่ 1) |
ข่าวแนวโน้มราคาทอง
ราคาทองปรับตัวขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากสภาคองเกรสลงมติผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำร่างกฎหมายให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ราคาทองคําเช้าวันพุธปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากเมื่อวานราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูการลงมติของสภาคองเกรสสหรัฐต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีดังกล่าวไปแล้ว เช้านี้ตามวุฒิสภาลงมติต่อ
ราคาทองวันนี้วันจันทร์เช้าต้นสัปดาห์ทรงตัวระดับเดียวกับราคาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,261 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าหลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
ราคาทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยลบกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นทำนิวไฮ ยังส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง
ราคาทองคําปรับตัวขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจขยายวงเงิน QE หากมีความจำเป็น รวมถึง การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับฐานลงของตลาดหุ้นสหรัฐ
ราคาทองคําดีดตัวขึ้นในรอบกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้พร้อมส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 3 ครั้งในปีหน้า ในประเทศพุ่งตาม 150 บาท
ราคาทองคําลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ รวมถึงการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการทำนิวไฮติดต่อกันหลายวันของตลาดหุ้นนิวยอร์ก