ราคาทองคำร่วงลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,350.00 | 51,450.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,316.04 | 52,250.00 |
วันนี้ -400 | -400 | |
07 มิถุนายน 2568 | เวลา 09:05 น. | (ครั้งที่ 1) |
ข่าวแนวโน้มราคาทอง
ราคาทองวันนี้ศุกร์สุดสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค. ของสหรัฐที่จะประกาศในช่วงค่ำนี้ หากออกมาไม่ใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ราคาทองจะผันผวน
ราคาทองเริ่มปรับตัวลดลงหลังจากถูกเทขายออกมา ภายหลังจากการเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรกของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา ในประเทศเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องและยังกดดันหนักต่อราคาทองในประเทศ
วันพุธเช้าราคาทองปรับตัวลดลง หลังจากเมื่อวานนี้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ที่บริเวณ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางการเมือง และตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอของสหรัฐ
เช้าวันอังคารต้นเดือนสิงหาคมราคาทองมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น โดยภาพรวมราคายังเคลื่อนไหวระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ เนื่องมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
เช้าวันพุธราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยมีปัจจัยการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกดดัน ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเสร็จสิ้นในคืนวันนี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 1.00-1.25%
เช้าวันอังคารราคาทองวันนี้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ภายหลังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ตอบรับรายงานข้อมูลภาคการผลิตและบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีขึ้นในวันนี้และเสร็จสิ้นในคืนวันพรุ่งนี้
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB) ส่งสัญญาณลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE รวมถึงความกังวลต่อประเด็นการเมืองในสหรัฐ